สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.)เป็นตัวแทนครูทั่วประเทศค้านผลการสรรหา ผอ.สนง.สกสค.จังหวัด 64 จังหวัด

ส.ค.ท.เดินหน้าค้านผลคัดเลือกผอ. สกสค.เครือข่ายบุรีรัมย์เมื่อวันพุธที่ 16 ธันวาคมพ.ศ.2563 ณ ห้องประชุม 309 อาคารรัฐสภา เกียกกาย กทม. คณะกรรมาธิการศึกษาสภาผู้แทนราษฎรโดยมีส.ส.นพคุณ รัฐผไท ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานในที่ประชุม ได้เชิญคณะผู้บริหารสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ในฐานะผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนคัดค้านผลการสรรหาผอ.สกสค.จังหวัด 64 จังหวัด ของสนง.สกสค. เข้าร่วมประชุมเพื่อ ให้ข้อมูล และรับฟังคำชี้แจงจากคณะผู้บริหารของสนง.สกสค.เกี่ยวกับการคัดค้านผลการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานสกสค.จังหวัด 64 จังหวัดทั่วประเทศ
ซึ่งส.ค.ท. ในฐานะองค์กรวิชาชีพ ที่มีเครือข่ายอยู่ทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกชพค.และชพส.และผู้ที่สมัครเข้ารับการสรรหาผอ.สนง.สกสค.ทั่วประเทศ ว่าผลการสรรหา มีความไม่ชอบมาพากล ส่อไปในทางไม่สุจริต และขัดกับหลักธรรมาภิบาล มีความผิดปกติ เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีบุคคล ที่ได้รับการสรรหา เป็นผอ.สกสค.จังหวัดกว่า 20 จังหวัด มาจากกลุ่มบุคคล ในจังหวัดบุรีรัมย์ และหน่วยงานกศน. และไม่เคยมีภูมิลำเนาหรือปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนั้นๆมาก่อน เป็นคนนอกพื้นที่ ออกเดินสายกระจายกันไปสมัครในจังหวัดต่างๆ และมีข้อสังเกตว่าจะไปสมัครกันเป็นคนสุดท้ายและวันสุดท้ายของจังหวัดต่างๆ และผลออกมาได้รับการสรรหาถ้วนหน้าตามการคาดหมาย
ซึ่งงานของสำนักงานสกสค.จังหวัด ไม่ใช่หน่วยงานราชการ โดยทั่วไป แต่เป็นหน่วยงานที่ต้องให้บริการ ด้านสวัสดิการและสวัสดิภาพ แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดนั้น ๆ ผู้ที่จะมาเป็นผอ. สกสค จังหวัด ต้องเป็นคนที่ มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ จึงจะรู้บริบท และคุ้นเคย กับครูและบุคลากรทางการศึกษา และสมาชิกชพค. ชพส. ในจังหวัดนั้น เป็นอย่างดี จึงจะทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนความพึงพอใจจากสมาชิก แต่ถ้าได้คนนอกพื้นที่มาทำงาน เกรงว่าจะไม่สามารถ ให้บริการสมาชิกได้เป็นอย่างดี และมีประสิทธิภาพ
ส.ค.ท.จึงยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ คณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎรเพื่อทำความจริงให้ประจักษ์ต่อไป
ดร.วีรบูร เสมาทอง ประธาน ส.ค.ท.จึงได้นำ คณะผู้บริหารของส.ค.ท.ประกอบด้วย นายธีระศักดิ์ สุวรรณปัญญา รองประธานส.ค.ทและประธานสหพันธ์ครูภาคเหนือ นายสิรภพ เพ็ชรเกตุ รองประธานส.ค.ท. และ ประธานชมรมครูภาคกลาง นายประทุม เรืองฤทธิ์ รองประธานส.ค.ท.และประธานสมาพันธ์ครูภาคใต้ นายวิสัย เขตสกุล เลขาธิการส.ค.ท.
ผู้สื่อข่าวได้รับทราบข้อมูลจากกคณะผู้บริหารของส.ค.ท.ว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ได้เคยยื่นหนังสือคัดค้านการสรรหา เลขาธิการสำนักงานสกสค.มาก่อนแล้วว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากส.ค.ท.มีความเห็นว่า กระบวนการสรรหาไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาพ. ศ. 2546 แต่ใช้กระบวนการสรรหาตาม คำสั่งคสช.ที่ 7/2558 เมื่อได้เลขาธิการและรองเลขาธิการสำนักงานสกสค.แล้ว ก็รีบเดินหน้าสรรหาผอ. สำนักงานสกสค.จังหวัดที่ครบวาระ 64 จังหวัดทันที ส่งผลให้มีผู้ร้องเรียนว่ากระบวนการสรรหาดังกล่าว เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องและกลุ่มผู้บริหารในสนง.สกสค.ตามคาดหมาย
ในการประชุม คณะกรรมาธิการการศึกษา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ผลปรากฏว่าคณะผู้บริหารสำนักงานสกสค.ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตนเองแต่กลับส่งผู้แทนจำนวน สองคนคือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบุคคลมาชี้แจงแทน ซึ่งทำให้คณะกรรมาธิการการศึกษา ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ให้เกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรซึ่งเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ซึ่งผู้แทนสนง.สกสค.ก็ไม่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงในข้อคำถามบางข้อต่อที่ประชุม อาทิเช่นทำไมผลการสรรหาจึงผิดปกติ มีผู้สมัครจาก จังหวัดบุรีรัมย์ และสํานักงานกศน. ซึ่งเป็นเครือข่ายของ ผู้บริหาร สำนักงานสกสค.เป็นส่วนใหญ่ผ่านการสรรหาเป็นผอ.สกสค.กว่า 20 จังหวัด เมื่อมีการร้องเรียนผลการสรรหา ทำไมสนง.สกสค.จึงไม่มีการดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริง ก่อนที่จะทำสัญญาจ้างผอ.สกสค.จังหวัดอย่างเร่งรีบ
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการจึงจะจัดให้มีการประชุมเรื่องนี้ขึ้นอีกและฝากผู้แทนสำนักงานสกสค.ไปแจ้งผู้บริหารของสำนักงานสกสค.ว่า ในการประชุมครั้งต่อไปให้มาประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตนเองและให้นำข้อมูลรายชื่อคณะกรรมการชุดต่างๆและเอกสาร ประกอบการเขียนผลงานและวิสัยทัศน์ของผู้สมัครเข้ารับการสรรหา มาแสดงให้คณะกรรมาธิการได้ตรวจสอบ เพื่อหาข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับผู้ร้องเรียนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น