ล่าสุด นพ.ยง ภู่วรวรรณ เข้ารับการกักตัว 14 วัน !  เพื่อสังเกตอาการ การติดเชื้อไวรัส โควิด-19 แล้ว หลังร่วมประชุม และร่วมงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร !

ล่าสุด นพ.ยง ภู่วรวรรณ เข้ารับการกักตัว 14 วัน !  เพื่อสังเกตอาการ การติดเชื้อไวรัส โควิด-19 แล้ว หลังร่วมประชุม และร่วมงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ! โดยได้กล่าวไว้ในเฟสบุ๊คส่วนตัว ชื่อ Yong Poovorawan ว่า
“โควิด 19เมื่อเกิดโรคระบาด ต้องเคร่งครัดต่อระเบียบ วินัย และความซื่อสัตย์ ผมเองอยู่ในเหตุการณ์ประชุมวางแผน เยี่ยมเยียน ชาวสมุทรสาครอยู่ในห้องประชุมเดียวกัน กับท่านผู้ว่าสมุทรสาคร นั่งห่าง เพียงคนเดียวนั่งคั่นกลาง ผมเห็นทุกคนใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า และมีการลงสนามไปดูโรงพยาบาลสนาม ตลาดกุ้งกลาง มีการกั้นเขตกับแรงงานพม่า ทุกคนตบมือต้อนรับ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดป่วย เราจะต้องถือว่า เราเป็นผู้สัมผัสโรค จะต้องแจกแจงว่า เป็นความเสี่ยงสูงหรือความเสี่ยงต่ำ ผมเองก็ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด เพราะไม่รู้ว่าจะติดโรคหรือไม่ ต้องกักตัวเองไว้อย่างน้อย 14 วัน อาจจะต้องมีการตรวจเป็นระยะ การตรวจวันนี้ (วันที่ 2 หลังสัมผัส) ให้ผลลบ ก็ยังต้องอยู่คนเดียว ดูแลตัวเอง จะต้องไม่ไปแพร่กระจายให้คนอื่น ถ้ากรณีรับเชื้อมา ไม่ให้เกิดวงจรต่อได้เด็ดขาดในยามที่วิกฤตนี้ ทุกคนต้องช่วยกัน ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ระเบียบ วินัย การปฏิบัติ ความซื่อสัตย์ ตัดวงจรการระบาดของโรคให้ได้ การศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก”
ทั้งนี้ นพ.ยง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เข้าไทย ว่าทำไมถึงได้ช้านัก ว่า
1. ขณะนี้ ทั่วโลก วัคซีนโควิด ที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ฉีดในภาวะฉุกเฉิน มีแล้วถึง 6 ชนิด ของจีน 3 ชนิด รัสเซีย 1 ชนิด อเมริกา 1 ชนิด และอเมริการ่วมกับเยอรมัน 1 ชนิด
2. วัคซีนเป็นเชื้อตาย 2 ชนิดของจีน ไวรัสเวกเตอร์ 2 ชนิดเป็นของจีน และรัสเซีย และ mRNA 2 ชนิดเป็นของอเมริกา และอเมริการ่วมกับเยอรมนี
3. วัคซีน AstraZeneca ที่ไทยรอคอยอยู่ ยังไม่สิ้นสุดการทดลอง
4. มีร่วม 10 ประเทศได้เริ่มฉีดวัคซีนไปแล้ว มากกว่า 5 ล้าน โดส และภายในมกราคม จะมีการฉีดอีกหลายสิบเท่า ซึ่งคาดว่าจะเป็นร้อยล้านโดส
5. ประเทศต่างๆได้ขึ้นทะเบียน หรือทะเบียนในภาวะฉุกเฉินในวัคซีนบางตัว มากกว่า 30 ประเทศ และรวม EU ทั้งหมด แสดงว่าจะมีการฉีดเป็นจำนวนมาก ในเดือนมกราคม
ทำไมประเทศไทยจึงช้าในเรื่องวัคซีนโควิด
1. เพราะเรามุ่งอยู่กับวัคซีนไวรัส เวกเตอร์ของ AstraZeneca อย่างเดียวหรือ ? (ไม่ทราบ) ยังทดลองไม่เสร็จ และยังไม่มีประเทศไหนขึ้นทะเบียน แม้กระทั่งในภาวะฉุกเฉิน (รออังกฤษ) ความจำเป็นที่ต้องใช้วัคซิน มีจำนวนมากกว่าที่ทำสัญญาไว้มาก
2. เราไม่ควรยึดติดอยู่กับวัคซีน บริษัทใดบริษัทหนึ่ง มีวัคซีนให้เลือกในขณะนี้ หลายบริษัท แม้กระทั่งของจีน ยุโรป อเมริกา
3. ขบวนการติดต่อจัดซื้อ ไม่ควรอยู่ที่วัคซีนชนิดใดชนิดหนึ่ง เพราะมีความจำเป็นใช้ถึง 80 ล้านโดส ควรจะมีตัวเลือก และ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน
4. ภาคเอกชนควรมีส่วนช่วยภาครัฐ เชื่อว่าถ้าให้เอกชนนำเข้า จะแบ่งเบาภาครัฐได้มาก ถึงแม้ว่าวัคซีนที่จะต้องเก็บในอุณหภูมิต่ำ ก็ไม่เป็นปัญหา ในสิงคโปร์สามารถจัดการได้ ประเทศไทยก็ควรจะจัดการได้ เพื่อจะได้แบ่งเบาวัคซีนของภาครัฐ ให้ได้เพียงพอกับประชาชนทั่วไปโดยเร็ว
5. กระบวนการขึ้นทะเบียนของไทย จะต้องมีขั้นตอนที่รวดเร็ว
ดูแผนที่และข้อมูลจาก Wikipedia การวางแผนการให้วัคซีนของประเทศต่างๆทั่วโลกแล้ว แม้กระทั่งแผนการขึ้นทะเบียนการใช้อย่างฉุกเฉิน รออยู่ ก็ไม่มีประเทศไทย
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มี สิงคโปร์ มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งนำหน้าไปแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : นพ.ยง Yong Poovorawan

ร่วมแสดงความคิดเห็น