ประธานหอการค้าเชียงใหม่ ชี้โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ดับฝันภาคการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว

วันที่ 14 ม.ค.64 นายวโรดม ปิฏกานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากปกติช่วงนี้ของปีอยู่ในช่วงไฮซีซั่น และตั้งแต่เดือน พ.ย.63 เป็นต้นมา บรรยากาศการท่องเที่ยวกำลังเป็นไปอย่างคึกคัก และแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไทยเพียงอย่างเดียวสามารถสร้างรายได้ให้กับจังหวัดเชียงใหม่ เดือนละประมาณ 6,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 80% ซึ่งรายได้จากภาคธุรกิจท่องเที่ยวนั้น มีสัดส่วนประมาณ 65% ของ GDP ของจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อเนื่องอย่างหนักไปยังภาคส่วนอื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยได้แต่หวังว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลายลงไปโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกแรก ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจต่างประสบปัญหาสภาพคล่อง และต้องมีการทำเงินทุนที่มีอยู่เดิมพยายามประคับประคองสถานการณ์เรื่อยมาจนดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการระบาดระลอกใหม่ ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด จะเป็นในเรื่องของเงินทุนหมุนเวียนและการเข้าถึงแหล่งทุน โดยเบื้องต้นพบว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการออกมาตรการผ่อนปรนเพื่อให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งนับเป็นเรื่องดีในการที่จะช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้

ขณะเดียวกันประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เสนอแนะว่า รัฐบาลควรเร่งอัดฉีดเงินงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่จัดเตรียมไว้อยู่แล้วออกมาโดยเร็ว เพราะแม้จะมีการทยอยออกมาแล้วบางส่วน แต่ยังไม่เพียงพอ จึงอยากให้มีการอัดฉีดออกมาให้มากขึ้น และกระจายไปให้ทั่วถึง เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและเงินหมุนเวียนในระบบขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้ด้วยดี พร้อมกันสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล ทั้งโครงการคนละครึ่งและการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง ที่มองว่าประสบผลในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดการใช้จ่ายได้จริงในทุกระดับ ซึ่งเห็นด้วยและสนับสนุนที่มีการเพิ่มวงเงินให้ผู้ได้รับสิทธิ์ และเพิ่มจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ โดยหากเป็นไปได้อยากให้มีการเพิ่มจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ให้มากขึ้นและทั่วถึงกว่านี้ด้วย น่าจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น