เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2564 กองทัพภาคที่ 3 โดยกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีค่า PM 2.5 อยู่ระหว่าง 22 – 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 อยู่ระหว่าง 34 – 116 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและค่า AQI ระหว่าง 22 – 182 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับ ดีมาก ถึง เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบสาเหตุพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานพบว่า เนื่องจากมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง การจุดไฟหาของป่า, การเผาเศษวัชพืช และการเผาเตรียมพื้นที่ทางการเกษตร ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือในระยะนี้ลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้การสะสมของค่าฝุ่นละอองและหมอกควันมีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่จุดความร้อน 17 จังหวัด มีจำนวน Hotspot จำนวน 411 จุด โดยมากเกิดขึ้นในบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัด ซึ่ง พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 เร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาบริเวณรอยต่อ จำนวน 19 รอยต่อในภาคเหนือ โดยเฉพาะรอยต่อ 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่-ตาก-ลำพูน บริเวณ รอยต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย – บ้านนา สามเงา – อ.ลี้ – อ.บ้านโฮ่ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก
ขณะที่ พลตรี นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เตรียมชุดปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า จำนวน 57 ชุดปฏิบัติการ ใน 24 อำเภอตามแนวชายแดนของ 6 จังหวัด ซึ่งอยู่ในความรับชอบของกองกำลังผาเมือง เพื่อให้กำลังพลเกิดความชำนาญในการใช้ยุทโธปกรณ์และพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจ ในการเข้าปฏิบัติการดับไฟร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่
ร่วมแสดงความคิดเห็น