(มีคลิป) ชาวบ้านนาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ครวญเจอพิษพายุซินลากู ถล่มนาพังเสียหายยับ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ก.พ. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา เกิดพายุซินลากู มีฝนตกหนังเป็นเวลาหลายวัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในเขตพื้นที่ ต.นาปูป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ชาวบ้านบางรายสูญเสียที่นาแทบหมดเนื้อหมดตัวในการทำมาหากินเพราะที่นาถูกทางน้ำกัดเซาะพังทลายไปหมด อีกทั้งยังมี น้ำท่วมขังที่นาของชาวบ้านอีกหลายคน ต้องพากันเดือดร้อนขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขด่วน


นายโยธิน วราฤทธิ์หิรัญกุล กำนัน ต.นาปู่ป้อม เปิดเผยว่า พื้นที่การเกษตรของชาวบ้านเสียหายหนักร่วม 8 กิโลเมตรตามเส้นทางน้ำไหล โดยเฉพาะบ้านทุ่งสาแล และบ้านโท้งกองเต้า ต.นาปู่ป้อม  หากไม่มีการขุดลอกและปรับพื้นที่ชาวบ้านจะไม่สามารถทำการเกษตรได้ โดยเฉพาะการปลูกข้าว เพราะจะถูกน้ำป่ากัดเซาะพังเสียหาย ปัญหานี้ได้รับการดูแลแก้ไขโดยทาง จ.แม่ฮ่องสอน ได้อนุมัติงบประมาณของอุทกภัยมาช่วยเหลือ มีการนำรถแบ็คโฮมาปรับพื้นที่ขุดลอก ดำเนินการไปแล้วบางส่วน แต่ระหว่างที่มีการนำรถแบ็คโฮเข้าทำการขุดลอกลำน้ำ และปรับเส้นทางน้ำไหล ก็มีกลุ่มบุคคลมาร้องเรียนว่าผู้มีอิทธิพลแอบนำรถแบ็คโฮมาเพื่อขุดลอก ซึ่งเหตุการณ์จริงคือมาช่วยชาวบ้าน แต่ก็มาถูกคัดค้านแบบหลับหูหลับตา ไม่ลงพื้นที่ไปดูความจริงและความเดือดร้อนชาวบ้าน จนต้องมีการสั่งชะลอโครงการไปก่อนอย่างน่าเสียดายแทนชาวบ้านตาดำดำ

“ที่ขุดลอกก็เพราะจะได้ช่วยให้พื้นที่การเกษตรกลับมาปลูกข้าวได้ดังเดิม ชาวบ้านเราทำประชาคมแล้วเสนอขอไปทางอำเภอส่งต่อให้กับจังหวัด เพราะเป็นกรณีเดือดร้อนจริงๆ หลังจากนั้นเมื่อมีข้อร้องเรียนดังกล่าว จากผู้รับผิดชอบการขุดลอกก็ต้องหยุดดำเนินการนำรถแบ็คโฮออกจากพื้นที่ทั้งหมด ชาวบ้านที่เดือดร้อนก็ทำอะไรไม่ได้ สำหรับเหตุผลที่กลุ่มบุคคลดังกล่าว ไปร้องเรียนนั้นก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลเช่นไร” กำนัน ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน กล่าว


ด้านนายกิตติ ดีมา ผู้ใหญ่บ้านโท้งกองเต้า หมู่10 ต.นาปู่ป้อม เปิดเผยว่า หลังจากนี้ไปหากไม่มีการมาปรับพื้นที่เกษตรกรจะปลูกข้าวไม่ได้อีกต่อไปเลย เพราะทางน้ำเปลี่ยนเส้นทางจากการเกิดน้ำท่วมนั่นเอง ในฐานะตัวแทนของชาวบ้านโท้งกองเต้า ก็อยากจะให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ และดูแลดำเนินการอย่างเร่งด่วน ขอให้นึกถึงสภาพปัญหาที่แท้จริงดีกว่า อย่ามาหาหาเรื่องขัดจากการช่วยเหลือ เพราะชาวบ้านเดือดร้อนจริง ๆ


ขณะที่ น.ส. อุรา บุญตรีวิริยะกุล ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากพื้นที่การเกษตรเสียหาย กล่าวเสริมว่า อยากให้ทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลและมาช่วยเหลือ พวกเราเดือดร้อนกันจริงๆ เข้ามาสังเกตุการณ์ได้เลย ก็ไม่รู้ว่าทำไมกลุ่มบุคคลที่ร้องเรียนนั้น ต้องการอะไร พื้นที่นาในตอนนี้น้ำเข้ามาหมดเลย เราจะปลูกข้าวต่อไม่ได้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีข้าวกินกันต่อไปหรือไม่ หากไม่มีการดำเนินการขุดลอกปรับพื้นที่ให้ทางน้ำกลับไปเป็นเหมือนสภาพเดิม

ร่วมแสดงความคิดเห็น