(มีคลิป) เปิด “ยุทธการพิทักษ์ล้านนา” จังหวัดน่าน เข้าดำเนินการปราบปราม และยึดอายัดทรัพย์สิน เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด บุกรวบเจ้าของร้านคาราโอเกะบังหน้า แฝงค้ากามเด็กสาวอายุต่ำ 18

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์  2564  เวลา 14.00 น. ที่ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมี
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข  ผบช.ภ.5,  พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต, พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร,  พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี,  พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ,  พล.ต.ต.สัณห์ โพธิ์รักษา ,  พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์  รอง ผบช.ภ.5  ร่วมกับ  พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5  และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.5 จังหวัดน่าน โดย นายนิพันธ์ บุญหลวง  ผวจ.น่าน, พล.ต.รุศมนตรี จิณเสน  ผบ.มทบ.38,  พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จ.น่าน ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหาร,  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง,  เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดน่าน  และ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดน่าน

สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 โดย นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.5 สนธิกำลังเพื่อ เปิด  “ยุทธการพิทักษ์ล้านนา”  ได้แถลงข่าวถึงผลการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมถึงผลการบุกทลายร้านคาราโอเกะ แฝงค้ากามเด็กสาวอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์  โดยได้สั่งการให้ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ตำรวจภูธรภาค 5  สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.5  เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองน่าน และเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพ  ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 และ พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน   นำหมายจับศาลจังหวัดน่าน ที่ จ.11/2564  เข้าตรวจค้นที่ร้านคาราโอเกะ 888 และร้านฟ้าใส  ตั้งอยู่บนถนนสายน่าน – ทุ่งช้าง  ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน จ.น่าน   หลังได้รับแจ้งข้อมูลจากมูลนิธิอิมมานูเอลจังหวัดเชียงใหม่ และสืบทราบจนแน่ชัดว่ามีพฤติการณ์เปิดให้บริการในลักษณะเป็นร้านคาราโอเกะ มีประมาณ 6 – 11 ห้องแต่เบื้องหลังลักลอบค้าประเวณี  โดยมีการนำเด็กสาวอายุต่ำกว่า 18 ปี มาให้บริการ   ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์และจากการเข้าตรวจค้นครั้งนี้พบหญิงสาวมาทำงานเป็นพนักงานนั่งดื่มเป็นเพื่อนทจำนวน 30 ราย  โดยพบหญิงสาวอายุไม่ถึง 18 ปี 4 ราย เจ้าหน้าที่ฯชุดจับกุมจึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้ แล้วนำเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองชั่วคราว เพื่อคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยร่วมกับทีมสหวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน

จากการสอบสวนผู้เสียหายอายุต่ำกว่า 18 ปี  ให้การว่า เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 ได้มาสมัครงานที่ร้าน 888 เป็นพนักงานภายในร้าน มีหน้าที่คอยให้บริการลูกค้า ซึ่งลูกค้าสามารถกอดจูบลูบคล้ำผู้เสียหายได้โดยมีนางต้งฯ เจ้าของร้านเป็นผู้ดูแลการทำงานของพนักงาน และทำอยู่ที่ร้าน 888 เรื่อยมา หลังจากนั้นช่วงประมาณ เดือนตุลาคม 2563 ได้ย้ายมาทำงานที่ร้านฟ้าใส ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน มีหน้าที่คอยให้บริการลูกค้า เช่นเดียวกับร้าน 888 โดยมีนายอาทิตย์ฯ เจ้าของร้าน เป็นผู้ดูแลการทำงานของพนักงาน และมีนายสุนทรฯเป็นผู้ช่วย  โดยผู้เสียหายจะได้รายได้จากการบริการลูกค้าเป็นค่านั่งดริ้ง ประมาณชั่วโมงละ 100 บ. โดยจะต้องแบ่งให้เจ้าของร้าน 70 บาท และผู้เสียหายได้รับ 30 บาท และหากมีลูกค้าซื้อบริการทางเพศจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับทางร้าน เพื่อพาหญิงบริการออกไปร่วมประเวณีภายนอกร้านตามโรงแรมหรือห้องเช่ารายวันบริเวณใกล้เคียง

จึงได้บันทึกรวบรวมพยานหลักฐาน เข้าจับกุมนางต้ง บุตรแก้ว อายุ 47 นายสุทิน บุตรแก้ว อายุ 51 เจ้าของร้าน 888   และ นายอาทิตย์ ขวัญวารี อายุ 33 ปี และนายสุนทร ขวัญวารี อายุ 29 ปี  เจ้าของร้านฟ้าใส ดำเนินคดี  ข้อหา หนักสบคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป  เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน , ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยว กักขัง จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งเด็กแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี, ร่วมกันเป็นผู้สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป หรือการอนาจาร ซึ่งหญิงอายุเกินสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม , ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้น กระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และร่วมกันเป็นผู้ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด และกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก และตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับสนธิกำลัง เปิด “ยุทธการพิทักษ์ล้านนา” ( ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม – ตัดเส้นทางลำเลียง – ขยายผลยึดทรัพย์ – ก็บหลักฐาน – ดำเนินการต่อ ) ในจังหวัดน่าน ครั้งนี้เข้าดำเนินการปราบปราม และยึดอายัดทรัพย์สิน เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ได้มีคำสั่งปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น  เพื่อสั่งการให้ สภ. ในสังกัด เข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจกันเพื่อทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทุกประเภท ในคราวเดียวกัน สภ.ในสังกัด ได้กำหนดเป้าหมายปิดล้อมจำนวน 584 เป้า และเข้าดำเนินกลยุทธ์ต่อเป้าหมาย จำนวนทั้งสิ้น 218 เป้าหมาย ในห้วงระหว่างวันที่ 1- 10 ก.พ. 2564

เป้าหมายการตรวจค้นจำนวน 584 เป้าหมาย เป้าหมายปิดล้อมในพื้นที่จํานวน 218 เป้าหมาย

เข้าดำเนินการตามกลยุทธ์จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดจำนวน 228 ราย 230 คน คดี พ.ร.บ.ยาเสพติดจํานวน 191 ราย 195 คน ข้อหาเสพจํานวน 123 ราย 123 คน ข้อหาครอบครอง จำนวน 27 ราย 28 คน ข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 25 ราย 28 คน ข้อหาจำหน่าย จํานวน 8 ราย 11 คน ข้อหาผลิตจำนวน 8 ราย 5 คน คดี พ.ร.บ.อาวุธปืน 30 คน จํานวน 30 ราย คดี พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์จํานวน 2 ราย 2 คน คดี พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ จํานวน 3 ราย 3 คน

จับกุมตามหมายจับคดียาเสพติด จํานวน 2 หมาย จับกุมตาม พ.ร.บ. มาตรการฯ ข้อหาสมคบ 1 หมาย ผู้ต้องหา 1 คน จับกุมตามหมายจับข้อหาจำหน่าย 1 หมาย ผู้ต้องหา 1 คน ของกลางยาบ้า 7,675 เม็ด ต้นกัญชาสด 28 ต้น ต้นฝิ่น 40 ต้น กัญชาแห้ง 141 กรัม อาวุธปืน 30 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 39 นัด เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง

ตรวจยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด   พื้นที่บ้านปางเป๋ย หมู่ 6 ต.สะเนียน   อ.เมือง จว.น่าน  จำนวน  2  ราย ยึดอายัดทรัพย์สินนายณัฐยศ  หรืออนุสรณ์   แซ่ว่าง ตามหมายจับศาลจังหวัดแพร่ ที่  จ.18/2564  ลง 25 ม.ค. 2564  (คดียาบ้า 6 ล้านเม็ด) สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่  1 รายการ มูลค่า  740,000   บาท  ยึดอายัดทรัพย์สินนายไพบูลย์   แซ่ว่าง ตามหมายจับศาลจังหวัดแพร่  ที่ จ.14/2564  ลง 25 ม.ค. 2564  (คดียาบ้า 6 ล้านเม็ด)  สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่   จำนวน  6   รายการ   มูลค่า  6,059,500   บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น  6,799,500   บาท

ตรวจยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด   ในพื้นที่ สภ.ท่าวังผา  ยึดอายัดทรัพย์นายพัฒพงษ์   นิลคง  ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครอง  เพื่อจำหน่าย จำนวน 1 รายการ คือ รถยนต์ Toyota จำนวน  1  ราย  รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น  228,000 บาท

รวมตรวจยึดทรัพย์สินคดียาเสพติดทั้งสิ้น 7,027,500   บาททั้งหมดนี้ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด โดยเฉพาะนายทุนระดับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นการยึดอายัดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และประมวลรัษฎากร เพื่อทำลายโครงสร้างและตัดวงจรทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดอย่างเด็ดขาดประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก

ร่วมแสดงความคิดเห็น