(มีคลิป) แม่ฮ่องสอน แถลงเตรียมพร้อมสู้ไฟป่าหมอกควัน วาง 10 มาตรการหลัก ภายใต้แคมเปญ “แม่ฮ่องสอน ลดการเผา จากหมอกหนาว สู่หมอกฝน ไร้หมอกควัน” เพื่อลดไฟป่าให้ได้ ร้อยละ 50

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมพญาพิศาลฮ่องสอนบุรี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ มอบหมายให้ นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นำส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าว ผลการดำเนินงาน ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง มาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2564 นี้ ได้เตรียมการรับมือสถานการณ์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขึ้น และบูรณาการหน่วยงานและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นคณะกรรมการชุดใหญ่ จำนวน 49 หน่วยงาน ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธาน คณะกรรมการชุดนี้ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย เป้าหมาย ตัวชี้วัด มาตรการ แนวทางในการบริหารจัดการ สถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองในภาพรวม ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่ ในการแก้ไขปัญหาให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย
ในปี 2564 ได้กำหนดเป้าหมายให้ทุกตัวชี้วัดลดลง ร้อยละ 50 , จุดความร้อนสะสม ระบบ Viirs ลดลง 50 % หรือ ไม่เกิน 8,304 จุด ,จำนวนวันที่ค่า PM 2.5 เกินเกณฑ์มาตรฐาน ลดลง 50 % ไม่เกิน 37 ,วันพื้นที่เผาไหม้ ในปี 2564 ลดลง 50 % ไม่เกิน 893,100 ไร่ ,ผู้ป่วยสะสม 13 กลุ่มโรค ลดลง 50 % หรือ ไม่เกิน 11,630 ราย ,จำนวนเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก ในปี 2564 ไม่เกิน ร้อยละ 50 ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด ,ไม่มีผู้เสียชีวิต และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการปฏิบัติหน้าที่ และ การบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ชิงเก็บ ลดเผา” ในปี 2564 ไม่น้อยกว่า 100 ตัน
นอกจากนี้ ยังได้วาง 10 มาตรการหลัก เน้นประชาสัมพันธ์เชิงรุก และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ภายใต้แคมเปญ “แม่ฮ่องสอน ลดการเผา จากหมอกหนาว สู่หมอกฝน ไร้หมอกควัน” ,การบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ นำเชื้อเพลิงมาใช้ประโยชน์ ทั้งการ”ชิงเก็บ ลดเผา” อัดก้อนเพื่อแปรรูป ทำปุ๋ยหมัก น้ำหมัก และการไถกลบตอซัง กำหนดให้ห้วงตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม 2564 เป็นช่วงการชิงเผา 16 มี.ค.-4 เม.ย., 16 เม.ย.-30 เม.ย.64 ห้ามเผาเด็ดขาด ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก หรือ ปรับ ส่วน 5-15 เม.ย.64 ให้เกษตรกรจัดการเชื้อเพลิงในที่ทำกิน ไร่หมุนเวียน กำหนดให้หมู่บ้านละไม่เกิน 2 วันเท่านั้น โดยห้ามเผาขยะมูลฝอยในชุมชนทุกรณี จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟ ได้สนับสนุนงบประมาณ จากชุดปฏิบัติการระดับหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน 415 หมู่บ้าน ,เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์วิกฤตรุนแรง ,ฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่เขตเมืองและพื้นที่สำคัญ

เช่น โรงพยาบาล สถานศึกษา ศูนย์ราชการ ,สาธารณสุขแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ตั้งคลินิกด้านมลพิษ และการจัดตั้งห้องปลอดฝุ่นในทุกโรงพยาบาล , ควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษอื่นๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น โรงงานอุตสาหกรรม การจราจร การขนส่ง รวมถึงการก่อสร้างต่างๆในพื้นที่ ,มาตรการบังคับใช้กฎหมาย แจ้งความจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แก่บุคคลผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด และมาตรการสร้างความยั่งยืน ฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ การน้อมนำพระราชดำริ “สร้างป่า สร้างรายได้ ” และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และส่งเสริมเครือข่ายเกษตรกรและชุมชนปลอดการเผา

สำหรับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 13 กุมภาพันธ์ 2564 มีจุดความร้อนสะสมทั้งหมด 1,382 จุด คิดเป็น ร้อยละ 8.33 ของจุดความร้อนสะสมปี 2563 หรือ คิดเป็น ร้อยละ 16.65 ของค่าเป้าหมายปี 2564 ซึ่งทางจังหวัดตั้งเป้าหมายปี 2564 ไม่เกิน 8,304 จุด อำเภอที่มีจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ อำเภอแม่สะเรียง จำนวน 574 จุด รองลงมาได้แก่ อำเภอปาย จำนวน 372 จุด อำเภอสบเมย จำนวน 163 จุด อำเภอเมือง จำนวน 92 จุด อำเภอปางมะผ้า จำนวน 80 จุด อำเภอแม่ลาน้อย จำนวน 79 จุด และอำเภอขุนยวม จำนวน 22 จุด

คุณภาพอากาศปัจจุบัน ค่า PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่า เกินเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 1 วันเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ค่าสูงสุดที่วัดได้ เท่ากับ 53 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (เกณฑ์มาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) นอกนั้น คุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังอยู่ในระดับดีมาก-ปานกลาง จำนวนผู้ป่วยเฝ้าระวัง 13 กลุ่มโรคสะสม จำนวน 4,937 ราย จับกุมผู้ลักลอบเผาป่าได้ จำนวน 1 ราย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น