ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเข้าสู่หน้าร้อนตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปีมักจะเกิดความแห้งแล้ง และไฟป่าขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสวนอุทยาน และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ต่าง ๆ ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คาดว่าสถานการณ์ไฟป่าในปี 2564 น่าจะมีความรุนแรงเช่นนี้ทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศโลก อันเป็นผลเนื่องจากสภาวะโลกร้อนทำให้การคาดการณ์สภาวะอากาศ และสถานการณ์ไฟป่าในระยะยาวทำได้ยากมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฝ้าติดตามความผันผวนของสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
นายอิศเรศ สิทธิโรจนกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่13 (แพร่) กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาไฟป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อเหตุการณ์และบูรณาการร่วมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาไฟป่า ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) จึงได้จัดทำแผนระดมพลดับไฟป่าขึ้นเพื่อใช้เป็นแผนระดมพลรับมือสถานการณ์ไฟป่าที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันเหตุการณ์เป็นการบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอก ป้องกันและลดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากไฟป่า ตลอดจนแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและการท่องเที่ยว โดยมีพื้นที่เป้าหมายคือป่าอนุรักษ์ท้องที่จังหวัดแพร่ 872,506.29 ไร่ และจังหวัดน่าน 2,745,351.68 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 3,617,857.97 ไร่
ในการจัดเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดแพร่ ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 6 ศูนย์ ประกอบด้วย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอุทยานแห่งชาติแม่ยม, อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย, อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวง, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวาจังหวัดแพร่และจังหวัดอุตรดิตถ์ และอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ในส่วนจังหวัดน่านมีจำนวน 7 ศูนย์ ประกอบด้วย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันแห่งชาติดอยภูคา, อุทยานแห่งชาติขุนน่าน, อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน, อุทยานแห่งชาตินันทบุรี, อุทยานแห่งชาติแม่จริม, อุทยานแห่งชาติศรีน่าน และอุทยานแห่งชาติขุนสถาน
โดยมีแผนระดมพลดับไฟป่าทั้งสถานการณ์ปกติ สถานการณ์รุนแรง และสถานการณ์วิกฤต เพื่อร่วมกันทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดแพร่และจังหวัดน่านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 64 เวลา 18.30 น. หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เด่นชัย หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.12 (แม่จั๊วะ), พร.13 (แม่ปาน) และเทศบาลตำบลเด่นชัย ได้ร่วมกันทำการดับไฟป่า ตามที่ได้รับแจ้งเหตุ ทาง “สายด่วนพิทักษ์ป่า” 1362 ว่าพบไฟไหม้ป่า ที่เขาหลังวิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีแพร่ คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พบไฟกำลังลุกไหม้ป่า ที่พิกัด 612313 E 1986721 N บริเวณป่าหลังเขาวิทยาลัยเกษตรฯ แพร่ ม.5 ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่ จึงได้ร่วมกันทำการดับไฟจนแล้วเสร็จ พื้นที่ถูกไฟไหม้ประมาณ 10 ไร่ สาเหตุคาดว่าจุดไฟเพื่อล่าสัตว์ป่า
ร่วมแสดงความคิดเห็น