ทีมสัตวแพทย์ กรมทะเล ผ่าชันสูตรซากเต่าตนุ พบขยะและของเหลวสีดำในกระเพาะ-ลำไส้

นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการชันสูตร “ซากเต่าทะเล” ที่ตายเกยหาด พร้อมกับ “ก้อนน้ำมัน” จำนวนมาก บริเวณหาดบ้านแพรกเมือง บ้านฉิมหลา หมู่ 3 อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ตนได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สั่งการให้เจ้าหน้าที่และทีมสัตวแพทย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบการตายของเต่าทะเลตัวดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานให้ทราบผล ด้านสัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ได้เข้ารับซากเต่าทะเลที่เกยตื้นตาย จากอาสาสมัครเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก หลังจากที่พบซากเต่าทะเลตัวดังกล่าวนี้ รวมถึงก้อนน้ำมันจำนวนมาก บริเวณชายหาดแพรกเมือง

ในวันนี้ (11 มีนาคม 2564) สัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง
และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ได้ร่วมกันทำการผ่าชันสูตรซากเต่าทะเล พบว่าเป็นเต่าตนุ เพศเมีย อายุประมาณ 4 – 5 ปี น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม หลังจากที่ผ่าเปิดช่องท้อง และชันสูตรลึกไปจนถึงระบบทางเดินอาหารของเต่า พบว่าภายในกระเพาะอาหาร และลำไส้ เต็มไปด้วยขยะพลาสติก จำพวกเชือกจากเครื่องมือประมง ถุงพลาสติกขนาดเล็ก และพบของเหลวสีดำคล้ายกับก้อนน้ำมันที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดแล้วละลายกลายเป็นของเหลว โดยทั้งหมดถูกเก็บเป็นตัวอย่างนำไปวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งชิ้นส่วนและเนื้อเยื่อของเต่าตนุ หลังจากนั้นได้ฝังกลบซากเต่าตนุตัวดังกล่าวไว้ในบริเวณหาดทราย

นายโสภณ กล่าวว่า จากการรายงานเบื้องต้นภายหลังผ่าชันสูตรเต่าตนุจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ทราบว่า ไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายที่แน่ชัดได้ เพราะสภาพซากเริ่มเน่ามาก แต่จากการตรวจพบในระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขายังสามารถหาอาหารได้ตามปกติ แต่ในลำไส้มีขยะอยู่ค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเต่าตนุอย่างแน่นอน ส่วนก้อนน้ำมันจำนวนมากที่เกยหาดทรายนั้น ขณะนี้ได้ละลายกลายเป็นของเหลวข้นสีดำและซึมไปในหาดทราย โดยเจ้าหน้าที่ยังหวั่นอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสัตว์ทะเลหายากในบริเวณนี้จากสารประกอบโลหะหนักที่อยู่ในก้อนน้ำมัน ซึ่งอาจไปสะสมอยู่ในร่างกายของสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้ และจะก่อให้เกิดอาการป่วย หากรับไปในปริมาณมากจะทำให้ตายได้ในทันที

ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่านได้เน้นย้ำถึงสิ่งที่ตั้งใจและพยายามหาแนวทางในการดำเนินงานที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล เพื่อส่งต่อให้ถึงมือเยาวชนรุ่นต่อไปได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืนที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรที่นับวันจะมีแนวโน้มลดจำนวนลงอย่างสัตว์ทะเลหายาก ท่านจึงมอบหมายให้กรมฯ เพิ่มมาตรการในการคุ้มครองและดูแลเต่าทะเลให้เข้มข้น เพื่อลดปัญหาการเกยตื้น ตลอดจนเร่งแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกตกค้างในทะเลที่เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียสัตว์ทะเลหายากหลายชนิด ผ่านการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ประมงชายฝั่ง และภาคธุรกิจการท่องเที่ยว สุดท้ายนี้ ตนขอฝากไว้ว่า เต่าทะเลก็เหมือนคนเรา หากเห็นที่ไหนปลอดภัย สวยงาม น่าอยู่ ก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น การปล่อยให้เต่าทะเลได้อยู่ตามธรรมชาติถือเป็นวิถีที่ดีที่สุด เราทุกคนต้องหันมาช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ลดการใช้และทิ้งขยะพลาสติก เครื่องมือทำการประมงลงไปในระบบนิเวศทางทะเล นอกจากนี้ หากพบเจอเต่าทะเลเกยตื้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ให้ทุกคนแจ้งเบาะแสมายังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ให้เข้าทำการช่วยเหลือได้ทันท่วงที “นายโสภณ กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด”

ร่วมแสดงความคิดเห็น