(มีคลิป) แม่น้องชมพู่เมืองแพร่ ขอความเป็นธรรมลูกถูกรถชน หวั่นค่าเยียวยาโดนเบี้ยว บางคืนวิญญาณก็เข้ามาสิงร่างแม่

เรื่องราวของความเป็นธรรมในสังคมคดีนักศึกษาน้องชมพู จ.แพร่ จนวิญญาณมาสิงแม่รายนี้เกิดขึ้นเมื่อ นางจิราพร (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี อยู่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยโรง อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ พร้อมด้วยนายคมสันต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี อยู่บ้าน หมู่ 5 ตำบลห้วยโรง อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ได้นำเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการตายของลูกสาว นางสาวสิริยาพร (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวแพร่ หรือ น้องชมพู่ และหนังสือร้องทุกข์ หลายๆ แห่งเข้าพบผู้สื่อข่าว จ.แพร่ และได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องการขอให้สื่อช่วยขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวที่เสียชีวิตจากถูกรถชน เมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา

โดยนางจิราพร เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อวันที่ 28 กันยายน พศ. 2563 นางสาว สิริยาพร หรือน้องชมพู่ เป็นนักศึกษาฝึกงาน ทางโรงเรียนได้มอบหมายให้นำเงินไปทำธุรกรรมกับธนาคารโดย ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ฮ้อ สกู๊ปปี้สีขาวหมายเลขทะเบียนแพร่ ไปธนาคารพอไปถึงบริเวณด้านหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้มีรถยนต์อีชูชุ กระบะสีขาว ขับมาด้วยความเร็วพยายามแซงรถบรรทุก 6 ล้อ แต่คาดว่าจะแซงไม่ได้ จึงหักพวงมาลัยมาทางน้องชมพู่แทน รถจึงพุ่งชนรถจักยานยนต์ของน้องชมพู่จนได้บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งรถคันดังกล่าว มีนายสุนทร (สงวนนามสกุล) บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลหังฝายอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เป็นคนขับ และน้องชมพู่เป็นลูกคนเดียวของนางจิราพร

พอเล่าถึงตอนนี้ ผู้สื่อข่าวถึงกับตกใจ เมื่อนางจิราพร มีทางเปลี่ยนไปเหมือนกับว่ามีวิญญานของน้องชมพู่ก็เข้าสิ่งร่าง ของนางจิราพร จนพูดอะไรไม่ได้สะอึก สะอื้น ทำให้นายคมสันต์ ที่มาด้วยบอกว่าเป็นวิญญาณของน้องชมพู่ เข้าสิงร่างแม่ จนต้องเข้าปลอบใจ

นายคมสันต์ ได้เล่าถึงความต้องการ ที่จะให้ผู้สื่อข่าวช่วยว่า คดีดังกล่าวนั้น ตอนแรกก็มีการตกลงเยียวยา และหลังๆมาคู่กรณีก็นิ่งเงียบ ไม่ยอมเยียวยาจนไปขึ้นศาล และทางโจทย์ไม่มีทนายความ ขอให้ศาลช่วยแต่งตั้ง ทุกอย่างก็มอบให้ทนายดำเนินการตอนแรกทางผู้ต้องหา หรือจำเลยก็ยอมตกลงจ่ายค่าดูแล 4 แสนบาท และตกลงจ่ายก่อน 1 แสน และนัดจ่ายกันอีกครั้ง แต่ถึงวันนัดก็ไม่ยอมจ่าย และให้ไปฟังการตกลงที่ศาล พอวันไปศาลวิญญาณน้องชมพู่ก็เข้าสิงแม่อีก จนนั่งฟังไม่ได้ทางศาลจึงให้ไปอยู่ข้างนอกรอ และให้ตนเองที่ไปด้วยรับฟังแทน แต่ตนเองก็ปฏิเสธแล้ว ว่าตนเองตัดสินใจอะไรไม่ได้ หลังจากนั้นศาลตัดสินจะยอมให้ทางจำเลยจ่ายอีก 1 แสนบาทในเดือนเมษา และทนายความได้ให้แม่น้องชมพู่เช็นต์เอกสาร แต่แม่น้องชมพู่ไม่ได้รับฟังการตัดสิน และได้เช็นต์ไปโดยไม่รู้เรื่องอะไร จึงมาขอความเป็นธรรมขอสื่อช่วยกระจายข่าว และขอให้ทางศาลยกเลิกการเช็นต์ชื่อของนางจิราพรนั้น และขอความเป็นธรรมให้กับน้องชมพู่ที่เสียชีวิตไป ควรได้รับค่าดูแลที่เสียชีวิตไป วันนี้วิญญาณของน้องชมพูคงวนเวียนอยู่กับแม่เขา เพราะทุกคืนจะมีหมาหอนตลอดในบริเวณรอบบ้านก็ เพราะต้องการความเป็นธรรมนั่นเอง

สมฤทธิ์ ชัยพลังฤทธิ์/แพร่

ร่วมแสดงความคิดเห็น