ปธ.อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ชี้ ศบค.ห้ามเล่นน้ำสงกรานต์ ทำจุดขายท่องเที่ยวลดความน่าสนใจ

ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้เห็นชอบแนวทางการจัดกิจกรรมในเทศสงกรานต์ โดยกิจกรรมที่จัดได้ ได้แก่ สรงน้ำพระ กิจกรรมอื่นๆ ทางศาสนา การจัดพิธีรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ตามประเพณีนิยม หรือรูปแบบที่กระทรวงวัฒนธรรมกำหนด, อนุญาตให้เดินทางข้ามจังหวัดเพื่อไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดได้ทุกท้องที่ แต่งดจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ประกอบด้วย งดรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ งดการจัดคอนเสิร์ต งดการจัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสกันใกล้ชิด คือ งดประแป้ง และงดการเล่นปาร์ตี้โฟม ส่วนกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ แสดงความเห็นว่า ในแง่มุมของการท่องเที่ยวย่อมทำให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ลดความน่าสนใจลงไป อย่างไรก็ตามในแง่มุมเหตุผลเรื่องความปลอดภัยโดยเฉพาะต่อสุขภาพของประชาชนย่อมเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งในส่วนของภาคการท่องเที่ยวยอมรับ และพร้อมที่จะปฏิบัติตามด้วยดีที่สุด ซึ่งรูปแบบการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ของจังหวัดเชียงใหม่นั้น

เบื้องต้นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีการพูดคุยกัน และกำหนดแนวทางว่าจะมุ่งเน้นไปในเรื่องของการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่เมืองหรือปีใหม่ไทยเป็นหลัก ทั้งการทำบุญตักบาตรไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล และการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ, การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และสืบสานประเพณีด้วยการจัดงานสงกรานต์ย้อนยุคที่ไม่มีการสาดน้ำ รวมทั้งประดับตกแต่งเมืองเชียงใหม่ด้วยตุงตามจุดที่เป็นทักษาเมือง ประกอบด้วย 4ประตูเมือง และ4แจ่งเมือง จุดละ725ตุง เท่าอายุเมืองเชียงใหม่ที่ครบรอบในช่วงสงกรานต์ปีนี้ ซึ่งจะประดับตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อให้เป็นจุดเที่ยวชมและถ่ายภาพที่ระลึกแทนการเล่นน้ำ

ทั้งนี้ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า เมื่อไม่มีการจัดเล่นสาดน้ำรอบคูเมืองเชียงใหม่ ต้องยอมรับว่าความน่าสนใจของเทศกาลสงกรานต์ของเชียงใหม่ย่อมลดลงไปด้วย เช่นเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยวและเงินที่สะพัดจาการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น และชาวต่างชาติ ซึ่งย่อมจะไม่มากเท่าสงกรานต์ปกติที่เคยคึกคัก โดยปีนี้ผู้คนที่เข้ามาในพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน และครอบครัว กับนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่ท่องเที่ยวพักผ่อนทำบุญไหว้พระ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้มองว่าผู้ประกอบการโรงแรมที่พักอาจจะไม่ได้ประโยชน์มากนัก โดยอัตราการพักในช่วงสงกรานต์อาจจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ราว 20% จากช่วงกลางเดือน มี.ค. 64 ที่พบว่าอยู่ราว 10% อย่างไรก็ตามในส่วนของร้านอาหาร และแหล่งจับจ่ายนั้น เชื่อว่าน่าจะได้รับผลดีมากกว่า และน่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเพราะเป็นช่วงที่ผู้ที่กลับมาเยี่ยมบ้านนิยมจะพาครอบครัวออกไปรับประทานอาหารและสังสรรค์ร่วมกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น