รองแม่ทัพภาคที่ 3 ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือลดการเผาทุกชนิด ป้องกันการเกิดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2564 พลตรีถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 15 – 21 มีนาคม 2564 กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้ารวบรวมผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือพบว่า สภาพอากาศในระยะที่ผ่านมามีค่า PM 2.5 ระหว่าง 39 – 183 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 76 – 242 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร และ ค่าคุณภาพอากาศ หรือ AQI ระหว่าง 61 – 293 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร โดยมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ในพื้นที่ ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ลดการเผาทุกชนิด ในทุกพื้นที่ เพื่อให้สภาพอากาศของภาคเหนือมีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนให้น้อยที่สุด ขณะเดียวกันชุดรณรงค์สร้างจิตสำนึก 15 ชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ใน 9 จังหวัดภาคเหนือ มุ่งเน้นการลาดตระเวน การดับไฟ การทำแนวกันไฟ การประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึก

ทั้งนี้ สถานการณ์ไฟป่าและจุดความร้อน 17 จังหวัดภาคเหนือ พบว่า จำนวน Hotspot (ดาวเทียมระบบ VIIRS) ในช่วงเวลาดังกล่าว มีจำนวน 4,178 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,877 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 1,477 จุด ,พื้นที่เกษตร จำนวน 423 จุด ,เขต สปก. จำนวน 220 จุดโดยจังหวัดที่มีจุดความร้อนมากที่สุด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามลำดับ

ร่วมแสดงความคิดเห็น