เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2564 เวลา 22.30 น. ร.ต.อ.กฤษฎา ไชยธรรม พงส.สภ.เวียงสา จ.น่าน จากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ว่ามีเหตุเพลิงไหม้บ้านประชาชน ที่บ้านศรีมงคล ม.1 ต.ขึ่ง อ.เวียงสา จ.น่าน
ได้รายงานให้ พ.ต.อ.ปกรณ์ ภาวิไล ผกก.สภ.เวียงสา ผู้บังคับบัญชาทราบ ภายใต้อำนวยการโดยนายเกรียงไกร เวชอนุรักษ์ นายอำเภอเวียงสา นายจวน จันเครื่อง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายณัฐพล วิระขันคำ ปลัดอำเภองานป้องกัน นายเมฆินทร์ อินนะไชย รกน.หัวหน้าสนง.ปภ.จ.น่าน สาขานาน้อย สนง.ปภ.จ.น่าน สาขานาน้อย
และเข้าตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ จนท.กู้ชีพ กู้ภัย ของเทศบาลตำบลขึ่ง/เทศบาลตำบลกลางเวียง และ รถบรรทุกน้ำดับเพลิงของ อปท.ในพื้นที่ใกล้เคียงจำนวนหนึ่ง กำลังพยายามควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้บ้าน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูน ด้วยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และหน่วยงานต่างๆ ช่วยกันสกัดดับเพลิงที่กำลังจะลุกลามไปใกล้บ้านเรือนราษฎรพี่อยู่ติดกัน ภายหลังสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ซึ่งเป็นบ้านของนายวุฒิไกร ใจยศ อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 186 บ้านศรีมงคล ม.1 ต.ขึ่ง อ.เวียงสา จ.น่าน อดีต ข้าราชการครูบำนาญ ซึ่งจากตรวจสอบสภาพบ้าน พบเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูน มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และหน่วยงานต่างๆ ช่วยกันดับเพลิง ภายหลังสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จึงกั้นสถานที่เกิดเหตุ และจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานน่าน เข้าตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ต่อไป
จากสอบถามนางลักขณาพร ใจยศ ครู รร.บ้านท่าลี่ ปัจจุบันสอนที่โรงเรียนบ้านขึ่งงามมงคล ต.ขึ่ง อ.เวียงสา จ.น่าน เล่าว่า ไม่ทราบว่าต้นเพลิงมาจากไหน ซึ่งสมาชิกภายในบ้านได้หลับนอน พักผ่อนแล้ว จนรู้ตัวพบว่าเพลิงไหม้บ้านแล้ว เป็นเหตุให้บ้านเสียหายทั้งหลัง โดยบ้านหลังดังกล่าวมีผู้อยู่อาศัยรวม 4 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 คน คือนายวุฒิไกร / นางลักขณาพร ใจยศ ถูกไฟคลอกบริเวณแขน และหน้า ถูกไฟลวก ขณะที่กำลังช่วยกันควบคุมเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านด้วยที่ จนท.กู้ภัยให้ความช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนส่งเข้าไปรักษาโรงพยาบาลเวียงสาและส่งต่อไปที่โรงพยาบาลน่าน ส่วนค่าเสียหาย/สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าไฟฟ้าอาจจะลัดวงจร พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยเทศบาาลตำบลขึ่งจะให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น