วันที่ 26 เม.ย.64 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรคโควิด 19 จังหวัดเชียงใหม่ นายปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ , นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ นายแพทย์ นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่
ทั้งนี้ นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากกรณีที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำกลาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยวานนี้ (25 เม.ย.64) พบยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่ดังกล่าว เบื้องต้นจำนวน 37 คน และมีการตรวจพบเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง โดยในการดูแลนักโทษที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำซึ่งเป็นที่แคบ และมีจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลในลักษณะพิเศษ และสถานการณ์ที่ได้เข้าไปตรวจสอบเมื่อวานนี้ภายหลังจากการสืบสวน สอบสวนโรค ก็ได้มีการไปจัดวางระบบ
ขณะที่ทางด้าน นายปรีชา เปรมปรี รองอธิการบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้พบการระบาดในเรือนจำในหลายจังหวัด จึงต้องพยายามควบคุมไม่ให้แพร่ระบาด เนื่องจากกลุ่มเรือนจำถือเป็นกลุ่มเปราะบาง มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและเสียชีวิตได้ง่ายจึงต้องเร่งดำเนินการควบคุมโรค โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมจากจังหวัดสมุทรสาครที่มีประสบการณ์มาช่วยสนับสนุน โดยนำแนวทางในหลายจังหวัดมาเรียนรู้และปรับใช้ในการป้องกันแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ต้องขังและป้องกันการระบาดสู่เจ้าหน้าที่ในเรือนจำ
ส่วนทางด้าน นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า พื้นที่เรือนจำเป็นบริบทเฉพาะที่จะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากมีโอกาสป่วยและเสียชีวิตสูง จึงต้องให้ความสำคัญในการคัดกรองและให้การรักษาอย่างรวดเร็ว โดยใช้มาตรการบับเบิลแอนด์ซีล ที่เคยใช้ที่จังหวัดสมุทรสาคร และ นำไปใช้ที่เรือนจำนราธิวาส พบว่าสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ
ด้านนายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีรายงานผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ติดเชื้อ 144 คน จากผู้ต้องขังทั้งหมด 6,404 คน และ มีเจ้าหน้าที่ติดเชื้ออีก 2 คน โดยทางเรือนจำใช้แดน 6 ที่มีพื้นที่แยกสัดส่วนชัดเจนจากแดนอื่นๆ เปิดโรงพยาบาลสนาม จึงให้ความมั่นใจได้ว่าอยู่ในการควบคุมและไม่แพร่ระบาดไปสู่แดนอื่นๆ
ขณะที่ทางด้าน นายแพทย์กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มผู้ต้องขังที่ได้มีการตรวจพบเชื้อเป็นกลุ่มที่เข้าไปใหม่ในเรือนจำ โดยรับเข้าไปในระหว่างวันที่ 7-12 เมษายน 2564 โดยในกลุ่มนี้จะถูกแยกจากในห้องเฉพาะในแดนที่รับใหม่ ซึ่งในกลุ่มนี้ก็จะได้รับการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด-19 และปรากฏพบว่าผู้ต้องขังจำนวน 37 ราย จาก 80 กว่าราย ที่เข้าไปนั้นมีการตรวจพบเชื้อ และจากการสอบสวนโรคพบว่ากลุ่มนี้ น่าจะมีผู้ต้องขัง 1 คน ที่นำเชื้อเข้าไปแล้วเกิดการระบาดระหว่างการกักกันตัว และจากการเข้าไปสอบสวนโรคเพิ่มเติมสิ่งที่น่ากังวลคือมีผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ช่วยเหลืออยู่ในแดน
ดังนั้นจึงมีการนำเรียนในที่ประชุมและมีข้อสั่งการให้มีการดำเนินมาตรการที่เข้มข้น ดังนั้นในขณะนี้ในแดนผู้ต้องขังรับใหม่จึงได้มีการปิดกั้นพื้นที่ไปแล้ว ส่วนมาตรการต่างๆในเรือนจำก็จะได้มีการยกระดับมากขึ้นโดยให้แต่ละแดนมีการปิดกั้นพื้นที่ และจะมีเฉพาะเจ้าหน้าที่ ที่ต้องได้รับการตรวจประเมินก่อนว่าไม่พบเชื้อ และจะมีเฉพาะบางกลุ่มที่จะสามารถทำงานได้และจะมีการทำเป็นมาตรการบับเบิลแอนด์ ซีล เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนโดยชัดเจนว่า ขณะนี้ได้มีการจำกัดการระบาดของเชื้อให้อยู่เฉพาะ ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่เท่านั้น และให้มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพทยระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเรือนจำได้และไม่ให้มีการแพร่ระบาดออกมา ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อจะได้รับการดูแลอย่างดีภายใต้มาตรฐาน และ แนวทางบับเบิลแอนด์ซีลจะทำให้เรือนจำกลับมาเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 28 วัน
ร่วมแสดงความคิดเห็น