อดิศักดิ์ เบญศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ รับ ทีมชาติไทย ชิงตั๋วกับอิรัก ไม่ง่าย เล็งหารือ ศบค.จัดแข่งเกมเหย้าในประเทศไทย หาสนามในการแข่งขัน เพื่อชิงตั๋วไป ฟุคซอลชิงแชมป์โลก ที่ประเทศลิทัวเนีย จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
“บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาด ก็ได้กล่าวถึงกับเจอกับอิรักว่า “จริงๆ แล้วในการเพลย์ออฟครั้งนี้ คู่แข่งทุกทีมถือว่าแข็งแกร่งทั้งสิ้น เพราะเป็นทีมระดับชั้นนำของเอเชีย ซึ่งการเจอกับอิรัก ก็ต้องบอกว่าไม่ง่าย ทางเราเองก็ต้องเร่งประกาศรายชื่อ และเตรียมทีมฝึกซ้อมให้เร็วที่สุด”
“ขณะเดียวกันการเตรียมการจัดการแข่งขันที่จะต้องเล่นในบ้านแมตซ์ที่ 2 วันที่ 25 พ.ค.นั้น ณ เวลานี้ยังไม่ชัดเจน ทั้งเรื่องสนาม และแผนการจัดการแข่งขันท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ก็จะมีการหารือกันถึงแนวทางต่างๆ ในเรื่องเตรียมการจัดการแข่งขัน พร้อมทั้งจะเข้าพบกับ ศบค.ชุดเล็ก ถึงมาตรการต่างๆ ก่อน ซึ่งจะได้ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนต่อไป”
ด้าน สุทิน บัวตูม ผู้จัดการทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ก็เผยถึงการพบกับอิรักว่า “ส่วนตัวมองว่าอิรักไม่น่ากลัว ผมยังมั่นใจในความสามารถเฉพาะตัว ทีมเวิร์ก และประสบการณ์ของผู้เล่นเราดีกว่าเขา อิรัก อาจจะได้เปรียบเรื่องของรูปร่างที่สูงใหญ่ แต่ผมยังมั่นใจว่านักเตะไทยชุดนี้ดีพอที่จะคว้าชัยชนะ และไปลุยฟุตซอลชิงแชมป์โลกอีกสมัยอย่างแน่นอน”
“สิ่งสำคัญคือห้ามประมาท เราต้องมีการวางแผนเตรียมทีมฝึกซ้อมให้ดี เวลานี้ทุกฝ่ายก็เร่งประสานกับ ศบค.อย่างเต็มที่ในเรื่องหาสถานที่ฝึกซ้อม และการฉีดวัคซีนให้นักกีฬา และเจ้าหน้าที่ ก็ฝากแฟนๆ ชาวไทยให้กำลังใจกับทีมฟุตซอลทีมชาติไทยชุดนี้กันด้วย เราจะทำให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความสุขกับคนไทยทุกคน”อนึ่ง ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย จะมีการเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันที่ 28 เม.ย.นี้ที่ สถาบันบำราศนราดูร เวลา 13.00 น.
ทีมฟุตซอลชาติไทย จะตัดเชือกกับ อิรัก ในเกมเพลย์ออฟ ชิงตั๋ว 2 ใบสุดท้ายของทวีปเอเชีย ไปแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่ประเทศลิทัวเนีย หลังจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) จับสลากประกบคู่ เมื่อ 27 เม.ย. โดยเกมแรกเตะวันที่ 20 พ.ค. และเกมที่ 2 เตะวันที่ 25 พ.ค. ทีมชนะ จะเข้ารอบทันที โดยไทยจะไปเยือนก่อนส่วนอีกคู่ เวียดนาม พบ เลบานอน
ขณะที่อีก 3 ทีมเอเชีย ที่เข้ารอบไปก่อนหน้านี้ โดยคิดผลงาน 3 ครั้งหลัง และปี 2018 คือ อิหร่าน, ญี่ปุ่น และ อุซเบกิสถาน
ร่วมแสดงความคิดเห็น