ประชาชนชาวลำพูนหลั่งไหลร่วมกันบริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติ โควิด-19 “ส่งต่อโลหิต ที่ปลอดภัย มั่นใจได้บุญ”

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2564 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน ร่วมกับ โรงพยาบาลลำพูน ออกหน่วยรับบริจาคโลหิตฝ่าวิกฤติ โควิด-19 ”ส่งต่อโลหิต ที่ปลอดภัย มั่นใจได้บุญ” โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 09:00 น.-15:00 น. โดยมี นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน , นางปนัดดา เนาวรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน , นายโยธิน ประสงค์ความดี นายอำเภอเมืองลำพูน , คณะกรรมการ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน , เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลลำพูน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้องรับและให้กำลังใจประชาชนที่หลั่งไหลมาร่วมกันบริจาคโลหิตอย่างไม่ขาดสาย

โอกาสนี้ แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำพูน ได้มอบหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้แก่ผู้ที่ร่วมบริจาคโลหิตในวันนี้ เพื่อใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 พร้อมทั้งพูดคุยสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่กัน ในการฝ่าวิกฤติ โควิด-19 ในครั้งนี้อีกด้วย


นางปนัดดา เนาวรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบประชาชนทั่งประเทศ โดยมีการสร้างการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่ ในการรักษาระยะห่างเพื่อป้องกันและลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยเฉพาะ “การบริจาคโลหิต” โควิด-19 ก่อให้เกิดความวิตกกังวลแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ทำให้จำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลงกว่า 50% หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ถูกยกเลิก ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ไม่สามารถจ่ายโลหิตให้กับโรงพยาบาลได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดแคลนเลือด และจำเป็นต้องเลื่อนการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติฯ มีภารกิจในการจัดหาโลหิตบริจาคให้มีปริมาณเพียงพอ ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง ให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยจัดทำมาตรฐานความปลอดภัยในหลายมิติ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการรับบริจาคโลหิตมีความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง คือ “ผู้บริจาค” จนถึงปลายทาง คือ “ผู้ป่วย” รวมทั้งผู้รับบริการอื่น ๆ ด้วย


นอกจากนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติฯ ได้กำหนดมาตรการเพื่อคัดกรองประวัติสุขภาพของผู้บริจาคโลหิตอย่างรัดกุม ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยขอให้ผู้บริจาคคัดกรองตนเองก่อนเดินทางมาบริจาคโลหิต เช่น หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เดินทางไปยังสถานบันเทิงหรือสถานที่แออัด อาศัยอยู่ในพื้นที่หรือเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 หรือเป็นผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ต้องงดบริจาคโลหิตชั่วคราวอย่างน้อย 28 วันหรือ 4 สัปดาห์ สิ่งสำคัญที่ต้องขอความร่วมมือคือ ผู้บริจาคจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพตนเองด้วยความเป็นจริง และภายใน 14 วัน หลังจากการบริจาคโลหิตแล้ว หากพบหรือได้รับการยืนยันว่าติดโรคโควิด-19 ผู้บริจาคโลหิตต้องแจ้งให้หน่วยงานที่ไปบริจาคโลหิตทราบทันที เพื่อจะได้ดำเนินการกักกันหรือเรียกคืนส่วนประกอบโลหิตกลับมาและไม่นำไปใช้รักษาผู้ป่วยรายอื่น มาตรการทั้งหมดนี้ครอบคลุมทั้งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติฯ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง ทั่วประเทศ หน่วยเคลื่อนที่ และหน่วยเคลื่อนที่ประจำทุกแห่ง

ทั้งนี้ ในภาวะขาดแคลนโลหิตเช่นนี้ ขอให้ประชาชนและผู้บริจาคโลหิตทุกท่านมั่นใจว่า เราคำนึงถึงผู้บริจาคและผู้ป่วยเป็นอันดับแรก เมื่อท่านมาบริจาคโลหิตจะไม่มีความเสี่ยงในการรับเชื้อ ร่วมบริจาคโลหิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 เพื่อส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัยให้กับผู้ป่วย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน หมายเลขโทรศัพท์ 053-510370

ร่วมแสดงความคิดเห็น