เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เวลา 09.00 น.ทหารพม่าประจำฐานฯด๊ากวิน พิกัด LV 611998 ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้ทำการยิงปืน ค.60 มม.จำนวนประมาณ 70-80 นัด บริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฐานฯด๊ากวิน หลังจากถูกทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ทำการซุ่มยิงด้วยอาวุธปืนซุ่มยิงระยะไกล ขนาด .50 คาลิเบอร์ ทำให้มีทหารพม่าเสียชีวิต จำนวน 1 นาย
แหล่งข่าวราษฎรบ้านท่าตาฝั่ง ฯ เปิดเผยในวันนี้ ( 20 ) ว่า หลังจากถูกซุ่มยิงจาก ทหารกะเหรี่ยง เคเอ็นยู ทหารพม่า ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่มาเจรจากับทหารไทยประจำฐานบ้านท่าตาฝั่ง และแจ้งแก่ทหารไทยว่า ห้ามไม่ไห้ทหารไทย สนับสนุนทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ด้วยการให้ใช้พื้นที่ในไทย ยิงก่อกวนทหารพม่า ฐานฯด๊ากวิน พิกัด LV 611998 อย่างเด็ดขาด หากไม่เชื่อ จะทำการยิงถล่มหมู่บ้านท่าตาฝั่งของไทยทันที ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ราษฎรในหมู่บ้านท่าตาฝั่ง ตกใจเป็นอย่างมากและมีความเชื่อว่าทหารพม่า จะสามารถทำได้ตามที่พูดจริง เพราะแม้แต่เครื่องบินที่บินมาทิ้งระเบิดช่วยเหลือทหารพม่า ยังบินเข้ามาในเขตไทยได้ โดยไม่กลัวทางการไทยจะประท้วงพม่าแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม2564 เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวิน และภาคี แถลงการณ์เรียกร้องให้พิจารณาการชะลอการส่งกลับ และให้การช่วยเหลือทางมนุษยธรรม แก่ผู้หนีภัย ในสถานการณ์ความไม่สงบ เนื่องจากบริเวณ พรมแดนไทยพม่า ริมแม่น้ำสาละวิน ยังคงความตึงเครียด เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวิน พบว่าขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง ยังคงมีมาตรการสกัดกั้นการเข้า-ออกยังชายแดนแม่น้ำสาละวิน เป็นการปิดกั้นเส้นทางการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจาก กลุ่มบุคคล และองค์กรผู้มีจิตเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ที่มีความประสงค์ในการช่วยเหลือผู้หนีภัยสงคราม ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นในครั้งนี้ มารตการดังกล่าวจึงทำให้ภาคส่วนต่างๆ ยังคงไม่สามารถเข้าพื้นที่ให้ความช่วยเหลือได้อย่างเปิดเผย ทั้งที่เป็นการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ สิ่งของจำเป็นเร่งด่วนด้านมนุษยธรรม อาทิ ข้าวสาร อาหาร ยา เวชภัณฑ์ ฯลฯ ส่งผลให้ผู้หนีภัยตามชายแดนมายังฝั่งไทยริมฝั่งน้ำสาละวินจากความไม่สงบ ราว 3 พันคน ต้องมีสภาพการอยู่ที่ลำบาก ต้องทนทุกข์ทรมาน ขาดอาหารและน้ำดื่มสะอาด ที่พักพิงเป็นเพียงเพิงผ้าใบที่ไม่สามารถกันแดดและฝน นอกจากนี้ยังขาดสุขอนามัยพื้นฐาน เพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพ การระบาดของโรค มีผู้หนีภัยที่ล้มป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก คนชรา ผู้หญิง
กลุ่มบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ ระบุว่ายังมีประชาชนที่หนีการโจมตีจากทหารพม่า หลบซ่อนตัวกระจายตามป่าเขาในฝั่งรัฐกะเหรี่ยงอีกไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน ประชาชนเหล่านี้เผชิญกับการโจมตีโดยเครื่องบินรบของทหารพม่า และยังมีการส่งโดรนตรวจการณ์บินลาดตระเวนอยู่ตลอดจนบัดนี้ ประชาชนเหล่านี้จึงยังหวาดกลัว ไม่กล้ากลับเข้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ไม่สามารถคืนสู่บ้านเรือนและไร่นาของตนเองได้
สถานการณ์ในฝั่งพม่านับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร เกิดความไม่สงบ เกิดความรุนแรง เข่นฆ่า และบาดเจ็บ ตามที่มีในรายงานข่าว สำหรับพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน ก็เกิดการบุกโจมตีโดยเครื่อบบินของทหารพม่าเป็นเดือนที่ 3 แล้ว โดยสถานการณ์ยังไม่ทีท่าว่าจะสงบลงในเวลาอันใกล้ ส่งผลให้ประชาชนต้องอยู่ในความเสี่ยงต่อชีวิต และต่างหวังว่าจะเกิดสันติภาพบนแผ่นดินมาตุภูมิในเร็ววัน
ล่าสุดเมื่อวันที่19 พฤษภาคม มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของไทย เดินทางไปแจ้งผู้หนีภัยจากการสู้รบมาอาศัยอยู่ทางฝั่งไทย ให้เดินทางกลับทั้งหมดภายในวันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้หารือและกล่าวกับฑูตพิเศษด้านพม่าของสหประชาชาติ ว่ารัฐบาลไทยพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับประชาชนที่หลบหนีจากสถานการณ์การสู้รบในพม่า โดยทั้งสองฝ่าย หารือถึงการให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม นายกรัฐมนตรีกล่าวเน้นย้ำว่า ไทยดำเนินการทุกวิถีทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้สถานการณ์ในพม่าคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวพม่า
อย่างไรก็ตาม เครือข่ายภาคประชาชนที่ได้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่พรมแดนไทยพม่า ที่แม่น้ำสาละวิน อ.สบเมย และอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามพบว่าจนบัดนี้นโยบายของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวยังไม่เกิดในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่มีการเปิดช่องทางในการเข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยที่พักพิงอยู่บริเวณชายแดน
ในนามของชุมชนท้องถิ่น องค์กรภาคประชาสังคม และประชาชนไทย ขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลไทย พิจารณาแก้ปัญหาวิกฤติมนุษยธรรมโดยเร่งด่วน ดังนี้
- ขอให้ชะลอการส่งกลับผู้หนีภัยจากการสู้รบชายแดน ทุกจุด จนกว่าจะมีการประเมินสถานการณ์ปลอดภัย เหมาะสม และมีส่วนร่วม ยึดหลักการห้ามผลักดันกลับ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหลักการสำคัญในการคุ้มครองแก่ผู้ลี้ภัย ซึ่งกำหนดพันธกรณีแก่รัฐ กล่าวคือ รัฐไม่อาจผลักดันผู้อพยพหรือผู้แสวงหาที่ลี้ภัยกลับออกไปได้ทันที หากปรากฏว่าการผลักดันกลับนั้นจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือเสรีภาพของบุคคลนั้น ซึ่งได้กำหนดไว้ในตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัย
- ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเปิดเส้นทางในการเข้าช่วยเหลือเยียวยาด้านมนุษยธรรมในทันที
- ให้ฝ่ายความมั่นคง มอบภารกิจในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้แก่ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาสังคม องค์สาธารณกุศล ดำเนินการแก้ปัญหา
- ตั้งคณะกรรมการระดับประเทศ ประกอบด้วยกรรมการจากภาคส่วนต่างๆ อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย องค์กรภาคประชาสังคม หน่วยงานของสหประชาชาติ เช่น UNHCR แลประสานกับองค์กรในพม่า ร่วมคลี่คลายปัญหาจากสถานการณ์นี้
ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความโปร่งใส และความจริงใจ สามารถตรวจสอบได้ เปิดเผยต่อสาธารณะ แก้ปัญหาวิกฤตมนุษยธรรมนี้ในทันที เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวิน และภาคี
ทางด้าน ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย – เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ออกหนังสือแถลงการณ์ ประจำวันที่ 19 พ.ค. 64 เวลา 12.00 น. ว่าตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 64 เวลา 15.00 น เป็นต้นมา ได้มีราษฎรชาวเมียนมาเดินทางข้ามมายังประเทศไทยโดยทางเรือ ซึ่งทางทหารได้จัดให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบริเวณห้วยอีนวล ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียงและพื้นที่ใกล้เคียง ปัจจุบันมีราษฎรชาวเมียนมาที่เดินทางข้ามมายังประเทศไทยจากเหตุความไม่สงบในเมียนมาพักในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวจำนวน 4 แห่ง รวม 1,775 คน ดังนี้
- พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยมะระ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 585 คน
- พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยจอกลอ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 82 คน
- พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยโกเกร๊ะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 1,058 คน
- พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยแห้ง ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จำนวน 50 คน
ทศพล / แม่ฮ่องสอน
ร่วมแสดงความคิดเห็น