(มีคลิป) 6 อาการ เตือน สัญญาณโรคไต

6 อาการ เตือน สัญญาณโรคไต 1. ปัสสาวะขัดหรือปัสสาวะลำบาก เป็นอาการที่ชี้ชัดว่ามีปัญหาของระบบทางเดินปัสสาวะและอาจเป็นโรคไตด้วยก็ได้ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก “อาการปัสสาวะแสบขัดที่เกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ” มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย สำหรับผู้ชายถ้ามีอาการนี้อาจมีโรคนิ่วในไตหรือโรคต่อมลูกหมากโตซ่อนอยู่ก็ได้ ผู้ป่วยที่มาด้วยอาการนี้อาจมีอาการไข้และปวดเอวร่วมด้วย กลุ่มที่สอง “อาการถ่ายปัสสาวะลำบาก ต้องเบ่งแรง ปัสสาวะไม่พุ่ง หรือปัสสาวะสะดุดกลางคัน” บางคนอาจปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะกลางคืนร่วมด้วย ซึ่งบ่งบอกว่ามีการอุดตันของท่อทางเดินปัสสาวะ ที่พบบ่อย ได้แก่ ต่อมลูกหมากโตในเพศชาย หรือมดลูกหย่อนในเพศหญิง ถ้าทิ้งไว้โดยไม่รักษาปัสสาวะจะคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อบ่อย ๆ หรือเกิดการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะเรื้อรังจนทำให้ไตวายได้ 2 ปัสสาวะกลางคืนหรือปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ กระเพาะปัสสาวะของคนเราสามารถเก็บปัสสาวะไว้ได้ประมาณ 250 ซีซี หรือเท่ากับน้ำ 1 แก้ว ในคนปกติระหว่างนอนหลับตอนกลางคืน 6-8 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะ เพราะตอนกลางคืนไตจะดูดน้ำกลับมากขึ้นทำให้ผลิตปัสสาวะได้ลดลง บวกกับตอนกลางคืนเราไม่ได้ดื่มน้ำเพิ่มเข้าไป แต่ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังร่างกายจะไม่สามารถดูดน้ำกลับคืนเข้าร่างกายได้ดีเท่ากับคนที่ไตปกติ ดังนั้นตอนกลางคืนจึงยังมีปัสสาวะออกจนต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะ โดยในคนปกติหากดื่มน้ำก่อนนอนอาจตื่นขึ้นมาปัสสาวะในตอนกลางคืนได้บ้าง 1-2 ครั้ง แต่ถ้าปัสสาวะตอนกลางคืนมากกว่า 2 ครั้งถือว่าผิดปกติ

3. ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นสีน้ำล้างเนื้อ หรือขุ่นผิดปกติ ปกติปัสสาวะจะมีสีเหลืองใส อาจมีสีเข้มขึ้นเมื่อดื่มน้ำน้อยและจะจางลงเมื่อดื่มน้ำมาก ๆ ถ้ามีปัสสาวะสีแดงคล้ายเลือดหรือสีน้ำล้างเนื้อบ่งบอกว่าอาจมีเลือดปนมากับปัสสาวะ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ มีนิ่ว ไตอักเสบหรือมีเนื้องอกในทางเดินปัสสาวะ

อาการปัสสาวะเป็นเลือดแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มปัสสาวะเป็นเลือดที่มีอาการปวดบริเวณหัวหน่าว ท้องน้อย หรือมีอาการแสบขัดเวลาปัสสาวะ มักเกิดจากมีนิ่วหรือการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ และกลุ่มปัสสาวะเป็นเลือดที่ไม่มีอาการปวด มักเกิดจากไตอักเสบ เนื้องอกในทางเดินปัสสาวะ หรือโรคเลือดที่ทำให้มีเลือดออกง่าย ซึ่งมักจะพบว่ามีเลือดออกตามส่วนอื่น ๆ ของร่างกายด้วย

4.รอบตาบวม หน้าบวม เท้าบวม อาการบวมจากโรคไตส่วนใหญ่เกิดจาก 2 สาเหตุ ได้แก่ โรคไตเรื้อรังชนิดไม่มีไข่ขาวรั่วออกมาในปัสสาวะ โรคกลุ่มนี้ไตไม่สามารถขับเกลือและน้ำได้ทำให้มีการคั่งของน้ำในร่างกายจนเกิดอาการบวมกดบุ๋ม หากบวมมาก ๆ ผู้ป่วยจะมีอาการหอบจากหัวใจวายด้วย โรคไตเรื้อรังที่มีการรั่วของไข่ขาวออกมาในปัสสาวะ มักจะมีอาการบวมรอบตาในตอนเช้าและบวมบริเวณรอบ ๆ เท้าในตอนสาย

5 ปวดหลัง ปวดเอว มีสาเหตุมาจากมีนิ่วอยู่ในไต หรือในท่อไต อาการปวดเป็นผลมาจากการอุดตันในท่อไตหรือไตเป็นถุงน้ำ เมื่อพองออกจะทำให้มีอาการปวด ลักษณะการปวดมักจะปวดที่บั้นเอวหรือชายโครงด้านหลังและมักปวดร้าวไปที่ท้องน้อย ขาอ่อน หรืออวัยวะเพศ โดยอาการปวดมักเป็นข้างใดข้างหนึ่ง สิ่งผิดปกติที่มักพบร่วมด้วยคือ ปัสสาวะที่ออกมาจะเป็นเหมือนสีน้ำล้างเนื้อ หรือขุ่นขาว อาจมีปัสสาวะกะปริดกะปรอย หรือมีอาการปวดหัวหน่าวร่วมด้วย ทั้งนี้หากมีอาการปวดโดยเฉพาะที่หลังหรือเอวโดยไม่ร้าวไปที่ใด อาจจะเกิดจากไตอักเสบก็เป็นได้ ถ้ามีอาการดังกล่าวแพทย์จะตรวจด้วยการเคาะหลังเบา ๆ ถ้าปวดมากจนสะดุ้งแสดงว่าอาจมีอาการไตอักเสบ

6.ความดันโลหิตสูง หมายถึงมีค่าความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท เมื่อวัดในขณะพักพบว่าค่าความดันโลหิตสูงทุกครั้ง หากปล่อยให้ความดันโลหิตสูงต่อเนื่องกันนาน ๆ ก็สามารถทำให้ไตผิดปกติและเกิดโรคไตเรื้อรังได้

หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินัยอย่างละเอียด เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที

ขอบคุณ รพ. จุฬาลงกรณ์ฯ

ร่วมแสดงความคิดเห็น