จับหญิงวัย 51 ปี ขับ จยย.เดินสายลักทรัพย์พื้นที่เชียงใหม่ และลำพูน

เมื่อวันนี้ 28 พ.ค.2564 เวลาประมาณ 10.30 น.เจ้าพนักงานตำรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.บ้านธิ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ดรณภพ ศิริชัย ผกก.สภ.บ้านธิ พ.ต.ท.ภัทรวุฒิ อัครภัทร รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ประกอบ มีมาก รอง ผกก.สส. นำโดย พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ แก้วนันตา สวป ฯ , ร.ต.อ.กิตติ ปิงเมืองเหล็ก รอง สว.สส.ฯ ร.ต.อ.ก้องภพ ฟักแก้ว รอง สวป.ฯ ด.ต.อภิรักษ์ อุตรแจ้ , ด.ต.พิทยา เตมีศักดิ์ พร้อมด้วย ด.ต จตุนนท์ บรรณสาร ผบ.หมู่ กก.สส.1 บก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นางนัด (นามสมุติ) อายุ 51 ปี ที่อยู่ ม.2 ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน ในความผิดฐาน “ ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นจากการจับกุม

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2564 เวลาประมาณ 09.10 น. เจ้าพนักงานตำรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.บ้านธิ ได้รับแจ้งจาก พงส.เวร ว่า ได้มีเหตุ “ลักทรัพย์ฯ“ ที่บริเวณภายในร้านขายของชำที่ตั้งอยู่บริเวณ ม.11 ต.บ้านธิ อ.บ้านธิ จว.ลำพูน โดยคนร้ายเป็นหญิงไม่ทราบชื่อ สวมเสื้อสีขาวแขนยาว กางเกงขายาว หมวกสีแดง ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายเป็นหญิงสวมใส่เสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาว หมวกผ้าสีแดง ใส่แมสปิดจมูก ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นคริสตัน สีแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยก่อนก่อเหตุได้ขับขี่รถมาจอดบริเวณหน้าตลาด ป.ธุรกิจยนต์ จากนั้นขับขี่ไปยังที่เกิดเหตุ แล้ววนรถมาจอดบริเวณหน้าร้านที่เกิดเหตุ จากนั้นเดินเข้าไปภายในร้านจากบริเวณด้านหลังร้านแล้วไปเข้าทำการเข้าไปลักทรัพย์กระเป๋าสะพายของผู้เสียหายที่มีเงินสดอยู่จำนวนประมาณ 30,000 บาท แล้วหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่สืบหาตัวคนร้าย จนทราบว่าหญิงคนดังกล่าวคือ นางนัด อายุ 51 ปี อยู่ที่อยู่ ม.2 ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวและจับกุม ตรวจสอบประวัติพบว่า นางนัด เคยถูกจับในคดีเกี่ยวกับทรัพย์มาแล้วหลายครั้งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน โดยครั้งล่าสุดเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2563 ตรวจสอบที่บ้านพักของนางนัด พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นคริสตัน สีแดง หมายเลขทะเบียน XXX 955 จอดอยู่ภายในบ้าน จึงควบคุมตัวนางนัด พร้อมรถของกลางที่นำไปก่อเหตุ นางนัด ให้การรับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุจริง จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านธิ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น