กองทัพภาคที่ 3 ให้ความรู้เรื่อง โรคไลม์ (Lyme disease)

วันที่ 2 มิถุนายน 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 135 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน รองโฆษกฯ, พันโท วรปรัชญ์ กาศสกุล และ พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช ผู้ช่วยโฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.-

โรคไลม์ (Lyme disease) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายเกลียวสว่าน ชื่อว่า Borrelia Burgdorferi (บอร์รีเลีย เบริ์กโดเฟอรี่) ซึ่งพาหะที่สำคัญในการนำโรคมายังคนคือตัว “เห็บ” ปกติ เชื้อชนิดนี้จะทำให้เกิดการติดเชื้อในสัตว์ โดยสัตว์ที่เป็นแหล่งกักตุนเชื้อโรคหรือรังโรคที่สำคัญได้แก่ สุนัข แมว ม้า กวาง วัว ควาย หนู เป็นต้น เมื่อเห็บไปดูดเลือดสัตว์เหล่านี้และไปกัดสัตว์อื่นๆ หรือกัดคนเพื่อดูดเลือดทำให้มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อ ส่งผลให้สัตว์หรือคนที่ถูกกัดเป็นโรคได้

ที่ผ่านมาประเทศไทย ยังไม่เคยมีรายงานการระบาด และรายงานผู้ป่วยโรคไลม์มาก่อน อย่างไรก็ตามเคยมีการศึกษาวิจัยในประเทศไทยแสดงให้เห็นว่า สามารถตรวจพบแอนติบอดีรวมถึงสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคไลม์ในสุนัข แต่ไม่พบเชื้อในตัวเห็บที่เก็บมาจากสุนัขที่ถูกนำไปศึกษาในงานวิจัยดังกล่าว สำหรับผู้ป่วย คนไทยที่มีรายงานการติดเชื้อครั้งนี้ เป็นผู้ที่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศที่เป็นแหล่งระบาดของโรคและอาจถูกเห็บกัดทำให้ได้รับเชื้อมา ซึ่งยืนยันจากการตรวจพบแอนติบอดีต่อเชื้อดังกล่าวในเลือด
อาการที่พบ

บริเวณที่ถูกเห็บกัดจะมีลักษณะแผลเรียบสีแดง และขยายวงกว้างออกไป โดยมีชื่อเรียกลักษณะที่เกิดขึ้นว่า Erythema Migrans นอกจากนี้อาจมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมาอีกนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน อาจมีอาการปวดทางข้อ อาการทางระบบประสาท อาจเกิดการอัมพาตหรือการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อซีกใดซีกหนึ่งของใบหน้า รวมถึงมีภาวะใจสั่น เจ็บหน้าอก หายใจตื้น ถ้าไม่มีการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้แก่ ปวดหัวรุนแรง ปวดข้อ เอ็น กล้ามเนื้อและกระดูกอย่างรุนแรง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวผิดปกติ นอกจากนี้อาจมีปัญหาด้านการรับรู้ การจดจำ การพูด และอารมณ์แปรปรวนตามมาได้ รวมถึงมีโอกาสที่จะเกิดภาวะผิดปกติที่หัวใจและปอดร่วมด้วย ซึ่งถ้ามีอาการรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้
การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโรคจากการตรวจร่างกาย ซักประวัติการเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไลม์ รวมถึงประวัติการสัมผัสสัตว์ที่เป็นแหล่งรังโรค นอกจากนี้ผู้ที่สงสัยการติดเชื้อจะถูกตรวจเลือด เพื่อหาแอนติบอดี (สามารถตรวจได้ภายใน 3-6 สัปดาห์ หลังได้รับเชื้อ) รวมถึงอาจใช้วิธีตรวจโดยใช้เทคนิคทางอณูชีววิทยาเข้าร่วมด้วย ถ้าผู้ป่วยมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดข้อหรืออาการทางระบบประสาท จะมีการประเมินภาวะดังกล่าว เพื่อประกอบการวินิจฉัยร่วมด้วย
การรักษา

ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็วจะทำให้สามารถฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเช่น Doxycycline, Amoxicillin หรือ Ceftriaxone เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการติดตามอาการรวมถึงเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนระหว่างและภายหลังการรักษาเช่นกัน

การป้องกัน
1) หลีกเลี่ยงการไปในบริเวณที่มีเห็บชุกชุม หรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
2) สวมเสื้อผ้าให้มิดชิดรวมถึงใช้ยาป้องกันแมลงกัดทุกครั้งเมื่อไปเที่ยวป่าหรือเข้าไปในบริเวณที่มีหญ้าขึ้นสูงและรก
3) รักษาความสะอาดที่อยู่อาศัย และพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยของเห็บและแมลงอื่นๆ
4) หมั่นรักษาความสะอาดของสัตว์เลี้ยงอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งที่อยู่ของเห็บรวมถึงลดโอกาสการแพร่เชื้อจากเห็บสู่คน
5) ถ้าโดนเห็บกัดให้รีบดึงตัวเห็บออก จากนั้นทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำเปล่า น้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์ล้างแผล หมั่นสังเกตอาการ ถ้าพบว่ามีภาวะผิดปกติเกิดขึ้นให้รีบพบแพทย์ทันที

ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ต่อโรคดังกล่าว ซึ่งหากพบว่าตนเองหรือ คนรอบข้างมีอาการบ่งชี้ หรือสงสัยว่าป่วยดังอาการดังกล่าว ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ หรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาต่อไป

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น