ชาวสวนลิ้นจี่บ้านผาลั้งประสบปัญหาฝนตกเร็ว ถนนพังขนส่งลำบาก แถมเจอโควิดระบาดซ้ำเติม ไร้ออเดอร์ส่งออก ทำราคาตกต่ำกว่าทุกปี

วันที่ 3 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ปีนี้มีฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่ เมื่อช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา จึงส่งผลกระทบกับเกษตรกรบางส่วนที่ต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ที่บ้านผาลั้ง ม.4 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งปลูกลิ้นจี่พันธุ์ฮงฮวยที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และถือเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวบ้านในพื้นที่มานานหลายปี

แต่จากปัญหาฝนตกหนักที่กล่าวมา จึงทำให้ถนนทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนลูกรังและถนนดิน เมื่อเจอกับฝนตกหนัก จึงมีสภาพไม่ต่างจากทะเลโคลน ทำให้รถทุกคันที่จะมุ่งหน้าเข้าไปเก็บผลผลิตที่หมู่บ้านต้องขับขี่ด้วยความยากลำบาก หลายคันจมโคลนจนเคลื่อนตัวไม่ได้ ต้องหารถมาช่วยลากจูง

ชาวสวนบอกว่าลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่อายุสั้น เมื่อเด็ดออกจากลำต้น ใบก็จะเริ่มเหี่ยว เปลือกลิ้นจี่จะเริ่มแห้งอย่างรวดเร็วถ้าไม่ได้เก็บในห้องรักษาอุณหภูมิ แต่การสร้างห้องรักษาอุณหภูมิมีต้นทุนสูงและไม่คุ้ม ชาวสวนจึงต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลา เพื่อไม่ให้ผลผลิตเสียหาย

เพื่อให้การลำเลียงผลผลิตออกสู่ตลาดทำได้ทันเวลา ชาวสวนบางส่วนก็ต้องปรับเปลี่ยนพาหนะเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ แถมยังต้องหาโซ่มาพันรอบล้อให้สามารถเคลื่อนตัวผ่านโคลนหนามุ่งขึ้นสู่หมู่บ้านผาลั้งให้ได้ เพื่อนำผลผลิตที่ต้องเก็บทุกวันออกมาส่งไปรษณีย์หรือบริษัทรับส่งสินค้าให้ทันตามกำหนดเวลาที่ลูกค้าต้องการ

สำหรับปีนี้สิ่งที่เกษตรกรต้องเจอไม่ใช่แค่ฝนที่มาเร็วจนดอกร่วง ผลผลิตลดลงเกือบครึ่ง ยังมีปัญหาสำคัญด้านราคาและการตลาด เพราะโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักในทุกพื้นที่ทั่วโลก ทำให้คำสั่งซื้อจากต่างประเทศไม่มีเข้ามาเลย ชาวสวนลิ้นจี่ต้องหาทางระบายผลผลิตและต้องยอมรับราคาขายที่กิโลกรัมละไม่ถึง 20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าทุกปี แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ผลผลิตต้องเน่าคาต้น

แม้จะไร้ตลาดส่งออกแต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนากว่าเมื่อก่อน ทำให้มีลูกหลานเกษตรกรคนรุ่นใหม่ หันมาค้าขายทางอินเตอร์เน็ต โดยการสร้างเพจขายสินค้าออนไลน์ จึงสามารถทยอยระบายผลผลิตออกไปสู่ผู้บริโภคได้ ทำให้ชาวสวนไม่เดือดร้อนกันมากนัก

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น