ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (8 มิ.ย. 2564 ) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดสรรอัตรากำลัง รับเป็น พนักงานราชการเฉพาะกิจ 10,000 อัตรา เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ในระยะสั้น ในกรอบวงเงิน 2,254 ล้านบาท ตามแผนงานส่วนราชการ
โดยจะเริ่มดำเนินการจ้างงานในเดือน มิ.ย. 2564 นี้ และส่วนราชการจะรายงานผลการจ้างงานภายในวันที่ 16 ก.ค. 2564 โดยการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจ จะอยู่ในกลุ่มงานบริหารทั่วไป เน้นกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ส่วนหน่วยงานที่ขอรับการจัดสรรอัตรากำลัง จะเป็นหน่วยงานในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ระดับจังหวัด หรือหน่วยงานในราชการบริหารส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่เป็นหน่วยปฏิบัติ เป็นส่วนราชการที่มีภารกิจสำคัญและเร่งด่วน 28 ส่วนราชการ จะมีค่าตอบแทน 18,000 บาทต่อเดือน สัญญาจ้างงานไม่เกิน 1 ปี ได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่าพนักงานราชการปกติ และอยู่ในระบบประกันสังคม ระยะเวลาการจ้างงานไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญาจ้าง หรือไม่เกินวันที่ 30 ก.ย. 2565 และไม่ มีการต่อสัญญาจ้างภายหลังมีมติ ครม.เกี่ยวกับการจ้างงานผู้มีวุฒิการศึกษา ระดับปริอญญาตรี 1 หมื่นอัตราในครั้งนี้ ปรากฎว่ามีผู้แสดงความคิดเห็นหลากหลาย โดยสรุปย้ำว่า ต้องบริหารจัดการตำแหน่งงานอื่นๆรองรับบัณฑิตที่จบในแต่ละปีการศึกษา 2-3 แสนราย และที่ว่างงานสะสมอีก ให้มีอาชีพ มีรายได้ โดยไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่งานในระบบราชการ แต่ควรเปิดโฮกาสการสร้างงาน สร้างอาชีพอิสระด้วยเป็นต้น
ร่วมแสดงความคิดเห็น