(มีคลิป) นายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลย ออกชี้แจง กรณีชาวบ้านข้องใจการดำเนินการตัดต้นไม้ในหมู่บ้าน ยันไม่ได้นิ่งนอนใจและดำเนินการตามขั้นตอน ชี้ไม่อยากให้เกิดความแตกแยก อยากให้ชุมชนอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข

วันที่ 17 มิ.ย.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.64 ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 ต.สันปูเลย ได้ร้องเรียนเรื่องการที่มีกลุ่มคนเข้ามาดำเนินการตัดและถอนต้นไม้ภายในหมู่บ้าน จำนวนหลายสิบต้นที่ปลูกริมทางติดกับลำร่องน้ำไหลผ่านหมู่บ้าน โดยไม่ได้มีการแจ้งข้อเท็จจริงให้กับทางชาวบ้านทราบ อีกทั้งต้นไม้ซึ่งเป็นต้นไม้ที่อยู่ภายในหมู่บ้านดังกล่าว จำนวนหลายสิบต้นที่เป็นต้นไม้มีราคาได้ถูกถอนออกไป แล้วใส่รถบรรทุก แต่ไม่ทราบว่านำไปไว้ที่ไหน และเมื่อสอบถามกับทางเทศบาลตำบลสันปูเลย ก็ไม่ได้รับคำตอบหรือไม่ชี้แจงให้ทราบอย่างชัดเจน ทางชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวจึงรวมตัวกันนำหลักฐานร้องเรียนกับทางผู้ใหญ่บ้าน เพื่ออยากให้ดำเนินการสอบถามกับทางเทศบาลสันปูเลย ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด ทางด้าน นายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลย ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีข้อเท็จจริงเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งได้มีการแสดงเอกสารหลักฐานรายงานการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาแสดง โดยภายในหนังสือระบุชี้แจงการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.64 ทางเทศบาลฯได้รับเรื่องร้องเรียนกลุ่มผู้ใช้นามว่า ชุมชน เฟส 5 หมู่บ้านเจซี กาเด้นวิลล์ ร้องเรียนว่า นางเอกับพวกประธานและกรรมการการหมู่บ้าน เจซี กาเด้นวิลล์ เฟส 6 ร่วมกับประธานและกรรมการหมู่บ้าน เจซี กาเด้นวิลล์ เฟส 5 ได้ทำการขุดต้นไม้ (ต้นจิก) ในลำเหมืองสาธารณประโยชน์ บริเวณ เฟส 5 เฟส 6 ไปขาย และต่อมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.64 ทางงานนิติกรร่วมกับกองช่าง ตรวจสอบรายละเอียดเบื้องต้นโดยประสานกับสำนักที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาดอยสะเก็ด พบว่า ลำเหมืองตามที่มีการร้องเรียนเป็นลำเหมืองสาธารณประโยชน์จริง หลังจากนั้นในวันที่ 6 พ.ค.64 ทางงานนิติการ ได้จัดทำบันทึกรายงานเสนอปลัดเทศบาล ซึ่งปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีในขณะนั้น

จากนั้นต่อมาวันที่ 25 พ.ค.64 ได้มีชาวบ้านซึ่งเป็นตัวแทนผู้ร้องได้มาพบนายกเทศมนตรีที่ห้องปฏิบัติงาน เทศบาลตำบลสันปูเลย และได้มีการพูดคุยในวันดังกล่าว ได้ข้อสรุปว่า ให้กลุ่มผู้ถูกร้องหยุดขุดหรือตัดหรือกะทำการต่อต้นไม้ในบริเวณดังกล่าว และให้กลุ่มผู้ถูกร้องนำต้นไม้มาปลูกแทนที่แต่ต้องไม่เป็นต้นพระยาสัตบรรณเนื่องจากดอกมีกลิ่นเหม็น รวมทั้งให้กลุ่มผู้ถูกร้องเปิดประตูด้านหลังเพื่อสามารถใช้เดินเข้าออกได้ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 13.30 น. ผู้ถูกร้องประกอบด้วย นางมงคล คำแพง ประธานเฟส 5 พร้อมด้วย นางภท์ราวดี บุญมาลา ประธานเฟส 6 และเพื่อนอีก 1 คน ได้มาพบนายกเทศมนตรี ที่ห้องปฏิบัติงานเทศบาลตำบลสันปูเลย การพูดคุยในวันดังกล่าวสรุปได้ว่า กลุ่มผู้ถูกร้องยินยอมจัดหาต้นไม้มาให้คืนกลุ่มผู้ร้อง แต่ไม่ยินยอมให้ปลูกที่เดิม จนกระทั่งในวันที่ 2 มิ.ย.64 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลสันปูเลย ขอเชิญนายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลยเข้าร่วมประชุมในวันที่ 3 มิ.ย.64 เวลา 19.00 น. ณ บริเวณสนามเด็กเล่นภายในโครงการหมู่บ้านเจซี กาเด้นวิลล์ และนายกเทศมนตรีฯ มอบหมายให้นิติกรเข้าร่วมรับฟังการประชุมในวันดังกล่าวแทน ซึ่งการประชุมในวันที่ 3 มิ.ย.64 ผู้ร้องขอทราบและเสนอต่อที่ประชุม โดยผู้ร้องขอทราบว่าเงินที่ได้จากการขายต้นไม้มีเท่าใด และผู้ร้องเสนอให้ผู้ถูกร้องนำต้นจิกขนาดเท่าเดิมหรือใกล้เคียงกันมาปลูกที่เดิม

ทางด้าน นายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลย เปิดเผยกับทางผู้สื่อข่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้เกิดจากความขัดแย้งของลูกบ้านทั้ง 2 เฟส คือ เฟส 5 และ เฟส 6 แต่ก็ไม่ได้หมายถึงทั้งหมด โดยระหว่างเฟส 5 ก็มีคนของ เฟส 6 ไปสนับสนุนบางส่วน และเฟส 6 ก็มีคนของเฟส 5 มาสนับสนุนอยู่ด้วยส่วนหนึ่งเช่นกัน โดยทางเฟส 5 เป็นผู้ร้องว่าเฟส 6 กระทำการโดยผิดกฎหมาย และระเบียบการอยู่ร่วมกัน คือการดำเนินการตัดต้นไม้ในที่สาธารณะ ต่อมาเมื่อทางเทศบาลฯ ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด และพยายามจะลดความขัดแย้ง โดยเลือกที่จะยังไม่ใช้กฎหมาย โดยวิธีการเชิญแต่ละฝ่ายมาพูดคุย และหลีกเลี่ยงการประจันหน้าโดยไม่เอาทั้ง 2 ฝ่ายมาเจอกัน เพื่อหาข้อสรุป โดยการเชิญฝ่ายร้องมาคุยเพื่อขอทราบวัตถุประสงค์ที่ร้องเรียนว่าต้องการอะไร และเมื่อได้ข้อมูลแล้ว ก็ได้มีการเชิญทางผู้ถูกร้องมาเพื่อรับทราบปัญหาที่ผู้ร้องได้แจ้งมา ซึ่งผู้ถูกร้องก็ได้ตอบรับ และมีเงื่อนไข ซึ่งต่อมาทางเทศบาลฯก็กำลังจะเชิญผู้ถูกร้องมารับทราบข้อตอบรับ แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการ ก็บังเอิญมีผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ปกครองบ้านได้เชิญทั้ง 2 ฝ่ายไปคุย แต่ปรากฏว่าในเวทีการประชุมดังกล่าวก็มีการเชิญ นายกเทศมนตรี , กำนัน , ตัวผู้ใหญ่บ้าน และลูกบ้าน แต่ทางตนเห็นว่าการเชิญทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาพบเจอกันในเวทีการประชุมดังกล่าวมันอาจทำให้ยากต่อการควบคุม ตนจึงไม่เข้าไปร่วม และได้มีการส่งนิติกรเข้าไปร่วมสังเกตการณ์

นอกจากนี้ในการประชุมวันนั้นก็เป็นช่วงเวลากลางคืน ที่มีทั้งข้อดี และข้อเสีย เพราะหากเกิดมวลชนทั้ง 2 ฝ่าย มาประจันหน้ากันก็อาจยากต่อการควบคุมได้ เนื่องจากทางเทศบาลฯไม่ได้ต้องการให้ใครมาขัดแย้งกันในพื้นที่ เนื่องจากต้องการให้สมาชิกทุกคนอยู่กันด้วยความสมัครสมานสามัคคี และปรากฏว่าเวทีการประชุมที่จัดขึ้นในครั้งนั้นล้มเหลว และไม่ได้ตอบโจทย์ตามที่ต้องการ ประกอบกับต่อมาได้มีการเชิญนักข่าวมาทำข่าวและให้ข่าวข้างเดียว จนทำให้ทางเทศบาลฯ ดูเสมือนว่าไม่ได้ดำเนินการกับปัญหาที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นจากเอกสารที่ตนได้นำมาแสดง ก็มีขั้นตอนการดำเนินงานอย่างจริงจัง ที่ต้องการลดความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด และจะมีการดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ และดำเนินการตามความเหมาะสม แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานการอยู่ร่วมกันอย่างสงบในระยะเวลาต่อไป อย่างไรก็ตามทางตนอยากฝากถึงลูกบ้านและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายด้วยว่า อยากจะให้ทุกฝ่ายถือเป็นกรณีตัวอย่างว่า ความขัดแย้งนั้นอาจจะเกิดกับทุกที่ แต่หากแต่ละคนแต่ละฝ่ายลดทิฐิลง และการอยู่ด้วยกันถ้าเอาตนเองเป็นที่ตั้งความสงบสุขก็ไม่เกิด ซึ่งตนก็อยากจะให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นกรณีตัวอย่าง และอยากให้ทุกคนอยู่เอื้อซึ่งกันและกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น