(มีคลิป) สาวสวย นศ.จบใหม่ดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 ม.ดังเชียงใหม่ โวยถูกมือมืดดูดภาพจากโซเชียลมีเดีย ไปใช้เป็นโปรไฟล์เฟซบุ๊ก ล่อลวงหนุ่ม ๆ

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2564 น.ส.ลิลลี่ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตัวเองเพิ่งจบการศึกษาปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 จากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง และรับรีวิวสินค้าโพสต์เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ขณะนี้กำลังได้รับความเดือดร้อนเสื่อมเสียชื่อเสียง และอับอายอย่างหนัก เนื่องจากถูกมิจฉาชีพนำภาพถ่ายของตัวเอง ทั้งภาพเดี่ยว รวมทั้งภาพที่ถ่ายร่วมกับครอบครัว และเพื่อนฝูงคนรู้จัก จากบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเองที่เปิดเป็นสาธารณะเพราะงานที่ทำ เอาไปใช้สร้างบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Aum Boontor” และลงประกอบโพสต์ต่างๆ ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวคือตัวเองทั้งๆ ที่ไม่ใช่

โดยผู้ที่สร้างบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวขึ้นมา ได้ใช้เฟซบุ๊กนี้ในการไปชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมลงทุนทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ผ่านทางเว็บไซต์ชื่อ “https://M.conibaseth.com/#/.” ซึ่งผู้ที่หลงเชื่อถูกหลอกให้โอนเงินจะเป็นกลุ่มชายหนุ่ม เนื่องจากผู้ใช้เฟซบุ๊กนี้ที่เป็นหญิงสาวจะมีการแชทพูดคุยด้วยในเชิงชู้สาว รวมทั้งมีการวิดีโอคอลคุยกับฝ่ายชายด้วย โดยไม่ให้เห็นหน้าแต่เปิดเผยให้เห็นของสงวน ทำให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อโอนเงินให้จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่ามีการนำภาพถ่ายของตัวเองไปใช้ประกอบในกลุ่มลับแอปพลิเคชั่นไลน์ ที่ขายคลิปลามกอนาจารหรือคลิปโป๊เปลือย แอบอ้างทำให้หลงเชื่อว่าหญิงสาวในคลิปที่มีการเผยแพร่ในกลุ่มลับดังกล่าวเป็นตัวเอง

ทั้งนี้ในเบื้องต้นคาดว่ามิจฉาชีพรายนี้ น่าจะเริ่มนำภาพถ่ายของตัวเองไปใช้สร้างบัญชีเฟซบุ๊กและก่อเหตุตั้งแต่ช่วงต้นปี 64 เรื่อยมา แต่ว่าตัวเองเพิ่งทราบเรื่องเมื่อประมาณปลายเดือน พ.ค.64 หลังจากที่ตัวเองถ่ายภาพร่วมกับญาติโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ต่อมามีผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของญาติได้ไปถามญาติว่ารู้จักตัวเองด้วยหรือ และบอกกับญาติว่าคุยกับตัวเองอยู่ทางเฟซบุ๊กที่มิจฉาชีพสร้างขึ้น ซึ่งญาติได้พูดคุยสอบถามรายละเอียดต่างๆ กับเพื่อนคนดังกล่าว จนทำให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และบอกให้ตัวเองทราบ โดยเมื่อทราบเรื่องแล้วครั้งแรกตัวเองได้ส่งข้อความทางเฟซบุ๊กติดต่อไปพูดคุยกับผู้ใช้เฟซบุ๊กที่แอบอ้างเป็นตัวเอง ขอร้องโดยดีว่าให้ปิดเฟซบุ๊กปลอมดังกล่าว เพราะทำให้ตัวเองและครอบครัวเสียหาย แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่ต่อมาผู้เป็นแม่ได้ติดต่อไปพูดคุยขอร้องอีกครั้ง ยังถูกปฏิเสธเช่นเดิม พร้อมท้าทายให้ไปแจ้งความดำเนินคดีและถากถางด้วยว่า ไม่ยอมยุติเพราะการใช้ภาพตัวเองทำให้มีคนโอนเงินให้เป็นล้านบาทแล้ว ซึ่งจากการปรึกษากันในครอบครัวแล้ว มองว่าท่าทีและพฤติกรรมผู้ก่อเหตุรายนี้ ไม่มีความสำนึกผิดใดๆ ทั้งสิ้น หากปล่อยไว้จะยิ่งเกิดความเสียหาย

ดังนั้นเมื่อวันที่ 30 พ.ค.64 ตัวเธอเองจึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ทำได้เพียงให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เนื่องจากยังไม่มีผู้ที่เสียหายที่ถูกหลอกโอนเงินเข้าแจ้งความ จากนั้นตัวเองจึงได้ไปขอความช่วยเหลือ และจะขอแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ จ.เชียงใหม่ แต่ถูกปฏิเสธโดยระบุว่ากรณีของตัวเองเป็นเรื่องเล็กน้อย ขณะที่ทางหน่วยจะรับดำเนินการในกรณีที่มีความสำคัญมากกว่านี้ ทำให้ไม่รู้จะหันไปพึ่งทางใด ตำรวจที่บอกแบบนี้ เห็นลูกน้องเรียก “ท่านรอง “เสียใจมาก หอบหลักฐานกลับบ้าน ทั้งน้ำตา

สุดท้ายตัดสินใจนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองร้องเรียนผ่านสื่อ โดยหวังว่าอย่างน้อยให้เป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยสังคม ไม่ให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพรายนี้หรือมิจฉาชีพที่ก่อเหตุลักษณะคล้ายกันนี้

หากเป็นไปได้ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการตรวจสอบ และติดตามตัวมิจฉาชีพรายนี้ รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นได้อีก และจะได้ไม่ก่อความเสียหายให้คนอื่นมากไปกว่านี้

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทาง พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข ผบช.ภาค 5 พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรษฐี รอง ผบช.ภาค 5 พล.ต.ต.วีระชน บุญทวี ผบก.สส.ภาค 5 ได้รับรายงานเรื่องนี้ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบก.สส.ภาค 5 ดำเนินการให้ความช่วยเหลืออดีตนักศึกษาสาวดังกล่าวเป็นการเร่งด่วนแล้ว โดย พ.ต.อ.ธวัชชัย รองฯ ได้แจ้งให้ผู้เสียหาย นำหลักฐานทั้งหมดมาตรวจสอบเพื่อดำเนินการกันต่อไป ในวันที่ 23 มิ.ย. 64 เวลา 09.00 น.ที่ กองบังคับการ สส.ภาค5

ร่วมแสดงความคิดเห็น