กู้ภัยโอด! ญาติปกปิดข้อมูลผู้ป่วย สุดท้ายตรวจเจอโควิด-19 เป็นเหตุให้กู้ภัยต้องกักตัว 14 วัน

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 64 สมาคมกู้ชีพกู้ภัยเทิงการกุศล ได้โพสต์เฟสบุ๊กของสมาคม เพื่อแจ้งประชาสัมพันธ์การงดบริการเป็นเวลา 14 วัน เหตุเพราะทางหน่วยได้ออกรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโดยที่ทางญาติปกปิดข้อมูล เป็นเหตุให้ทั้งหน่วยกู้ภัยต้องตกเป็นผู้มีความเสี่ยง มีคำสั่งให้งดปฏิบัติงาน 14 วัน

นายอดุลย์ แก้วหน่อ หัวหน้าสมาคมกู้ชีพกู้ภัยเทิงฯ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 64 เวลาประมาณ 05.50 น. ทางหน่วยได้รับการโทรประสานจากญาติผู้ป่วย ให้ช่วยส่งตัวผู้ป่วยซึ่งมีอาการปวดท้อง แน่นหน้าอก จาก รพ.เทิง ให้นำไปส่งที่ รพ.โอเวอร์บรู๊ค เชียงราย เพราะไม่อยากรอหมอ โดยก่อนรับเคสทางหน่วยได้สอบถามทางญาติเพื่อประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดแล้ว แต่ทางญาติปฏิเสธไม่เป็นกลุ่มเสี่ยง ทางหน่วยจึงออกรับผู้ป่วยไปส่งตามที่ได้รับการร้องขอ โดยมีผู้ออกปฏิบัติงาน 2 คน และมีการใส่ชุด PPE และอุปกรณ์ป้องกันเป็นที่เรียบร้อย แต่จากการตรวจเชื้อของ รพ.ปลายทางพบว่าบุคคลดังกล่าวผลตรวจเป็นบวก ติดเชื้อโควิด-19 ทางเจ้าหน้าที่หน่วยที่ทำหน้าที่รับส่งผู้ป่วยไป รพ.ที่เชียงราย รวมไปถึงอาสากู้ภัยรวมประมาณ 20 คน จึงตกเป็นกลุ่มเสี่ยงไปด้วย ทาง รพ.เทิง ได้ประสานมาที่ ทต.เวียงเทิง เพื่อให้มีคำสั่งกักตัวหน่วยกู้ภัยเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.-13 ก.ค. 64

“ตนอยากฝากไปถึงผู้ป่วยและญาติ ขอให้แจ้งข้อมูลความเสี่ยงตามความเป็นจริง เพื่อที่ทางหน่วยกู้ภัยจะได้ประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้อง” นายอดุลย์ กล่าว

หน่วยกู้ภัยนับเป็นหน่วยงานแรกๆที่จะเข้าไปรับตัวผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ หรือตรวจสอบศพผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดสูง แต่จากการที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลจากหน่วยกู้ภัยหลายๆหน่วยกลับพบว่า ทีมกู้ภัยส่วนใหญ่ขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันเพราะต้องสวมใส่ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติงาน และต้องทำลายทิ้งหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ทำให้มีความสิ้นเปลือง และทีมกู้ภัยส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 มีเพียงบางคนที่ใช้โควต้าอื่นในการเข้าถึงวัคซีน เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มโรคประจำตัว นอกนั้นยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแต่อย่างได ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับไว้พิจารณาเพื่อเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

***รูปภาพเพื่อใช้ประกอบข่าวเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยในข่าวแต่อย่างใด

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น