(มีคลิป) เชียงราย แรงงานไทยในท่าขี้เหล็ก ยื่นเรื่องขอกลับไทย พบตกค้างท่าขี้เหล็กเพียบ

สาวลักลอบไปทำงานสถานบันเทิงฝั่งเมียนมา ยื่นเรื่องผ่านศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ ขอกลับประเทศหลังโควิดในท่าขี้เหล็กระบาดหนัก ไม่มีงานทำ ด้านเจ้าหน้าที่ช่วยประสานขอให้กลับมาตามช่องทางที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในไทย ด้านทหารเร่งตรวจสอบห้องพักชายแดนป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของชาวเมียนมา

วันที่ 14 ก.ค. 64 หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อมีไม่ต่ำกว่า 300 ราย ทำให้แรงงานไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวที่ลักลอบข้ามแดนไปทำงานใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้มีการประสานงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้สถานบันเทิงต่างๆ ที่เป็นสถานที่ทำงานได้ปิดและไม่มีงานทำ โดยได้มีการประสานงาน อ.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการจากสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ซึ่งเป็นผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ จ.เชียงราย โดยมีการรวมตัวกันประมาณ 50 คน ได้ขอรับคำปรึกษาและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เมียนมา เพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ที่ถูกดำเนินคดีและส่งตัวไปเสียค่าปรับ ก่อนรอส่งตัวกลับจำนวน 7 คน ส่วนที่เหลือทางการท้องถิ่นเมียนมา ให้รอขั้นตอนภายในเมียนมาอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายเมียนมาเสียก่อน

อ.สืบสกุล กิจนุกร กล่าวว่า สถานการณ์แรงงานข้ามชาติใน จ.เชียงราย ไม่น่าเป็นห่วงเพราะได้ร่วมกับหน่วงานต่างๆ จัดระบบและสร้างเครือข่ายให้ความรู้ แจ้งข่าวสาร ให้การช่วยเหลือด้านต่างๆ แก่แรงงานข้ามชาติ แต่น่าเป็นห่วงกรณีแรงงานไทยใน จ.ท่าขี้เหล็ก มากกว่า เพราะว่านอกจากแรงงานไทย ประมาณ 50 คน ที่ประสานงานมาแล้ว มีอีกกว่า 100 คน ที่ยังอยู่ในท่าขี้เหล็กและต้องการกลับประเทศไทย ซึ่งจากการประสานงานล่าสุด ทราบว่าแรงงานไทยเหล่านี้ยินดีเสียค่าปรับ แต่ปรากฎว่ายังไม่ถูกส่งตัวกลับ เพราะติดขั้นตอนในประเทศเมียนมา

“ทางเราจึงอยากให้หน่วยงานของไทยทั้งจังหวัด คณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่นช่วยประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีกลับมา โดยในส่วนของศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ จ.เชียงราย ได้ให้คำแนะนำแรงงานไทยเหล่านี้ ผ่านทางระบบออนไลน์ ว่าให้กลับประเทศเข้ามาในระบบอย่าหลบหนีกลับมา เพราะหากถูกจับได้ก็จะถูกดำเนินคดีหรือหากหลุดรอดไปได้แล้ว ตัวเองติดเชื้อโควิด-19 มาด้วย ก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา ส่วนในระยะยาวเสนอให้รัฐบาลจัดระเบียบ โดยร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านทำข้อตกลงเพื่อนำแรงงานไทยสู่ระบบ เพื่อให้การออกใบอนุญาต การตรวจโรค คัดกรองก่อนเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ โดยถือโอกาสนี้มาใช้เป็นโอกาสในการจัดการกับปัญหาแรงงานไทย ที่ปัจจุบันพบว่าเคลื่อนไหวไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสถานบันเทิงตามชายแดนเป็นจำนวนมาก

ทางด้าน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ก็ได้เปิดปฏิบัติการจัดระเบียบหอพักห้องเช่าในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง นำโดย พ.ท.สหชัย พรหมตรุษ ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ได้นำกำลังพลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อ.แม่สาย  ดำเนินการตามยุทธการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งในพื้นที่ยังคงพบอย่างต่อเนื่อง โดยได้กระจายกันไปตรวจสอบบุคคลที่อยู่อาศัยตามหอพักบ้านเช่า จำนวน 40 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่าด้าวสัญชาติเมียนมา โดยมีเป้าหมายจะดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมด ภายในเวลา 7 วัน

ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้ของทางเจ้าหน้าที่ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน โดยเน้นที่การตรวจตราบุคคลที่อยู่อาศัยในหอพักบ้านเช่า ว่าได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะเป็นการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนแล้ว ยังเป็นการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองอีกด้วย โดยฝากถึงผู้ประกอบการหอพักบ้านเช่าในพื้นที่ชายแดน ที่เปิดให้บุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่อาศัย ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบและขั้นตอนที่ถูกต้องของกฏหมายอย่างเคร่งครัด

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใน จ.เชียงราย วันนี้พบผู้ติดเชื้อภายในจังหวัด 3 ราย คือ อ.เมือง 1 ราย อ.แม่จัน 1 ราย อ.เชียงแสน 1 ราย ผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างจังหวัด เพื่อเข้ามาทำการรักษา 5 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 4 ราย นนทบุรี 1 ราย รวมผู้ติดเชื้อที่รับมารักษาจากต่างจังหวัด 15 ราย ผู้ที่รักษาหายแล้ว 1,012 ราย กำลังรักษา 171 ราย เสียชีวิตสะสม 17 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 1,200 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในจังหวัดสะสม 956 ราย ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดสะสม 170 ราย และรับมารักษาจากต่างจังหวัดสะสม 74 ราย

ณัฐวัตร ลาพิงค์

ร่วมแสดงความคิดเห็น