รถบัสเที่ยวแรกของประเทศไทยปลายทางที่จ.แพร่ นำผู้ป่วยโควิดกลับรักษาตัวที่บ้านเกิด คนแพร่ไม่ทิ้งกัน

 

…………เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 25 กรกฎาคม 2564 ที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดแพร่ รถบัสของกรมการแพทย์ที่นำผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากโรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามของกระทรวงสาธารณสุข โดยการประสานงานโดยตรงกับจังหวัดแพร่ ที่มีรายชื่อผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด และประสงค์จะกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด จะต้องเป็นผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง เนื่องจากรถที่นำมาส่งนั้นไม่ใช้รถพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลบุษราคัมฯ จะดำเนินการประสานรถมูลนิธิ ไปรับตามบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ได้รับการติดต่อไป เพื่อนำตัวผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานี ก่อนจะจัดรถเพื่อนำส่งผู้ป่วยไปยังแต่ละจังหวัดปลายทาง
โดยเบื้องต้นรถบัสคันแรกที่นำส่งผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลบุษราคัมฯ มีผู้ป่วยที่ร่วมเดินทางทั้งสิ้น 25 คน และได้นำส่งไปยังแต่ละจังหวัด จนมาถึงที่จังหวัดแพร่ เป็นจังหวัดสุดท้าย มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาทั้งสิ้น 6 ราย ในขณะที่โรงพยาบาลสนามของจังหวัดแพร่ มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเพิ่มมากขึ้นและมีการเตรียมสถานที่รองรับเพิ่มเติมอีก 120 เตียง จากเดิมแห่งแรกรองรับได้ 120 เตียง ผู้ป่วยโรงพยาบาลสนามจังหวัดแพร่มี ยอดผู้ป่วยรักษาตัว อยู่ 81 คน
……….สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีการติดต่อตามแนวทาง คนแพร่ไม่ทิ้งกัน ยอดคงค้างอีกจำนวน 26 ราย โดยจะมีรถไฟขบวนพิเศษที่จะรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 กลับมารักษายังภูมิลำเนา ของโซนภาคเหนือจะมีการเดินทางกันในวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ซึ่งแต่ละรายจะต้องผ่านการประเมินทางกรมการแพทย์ก่อนว่าอาการไม่รุนแรง เจ้าหน้าที่ถึงจะมีการส่งตัวกลับมารักษายังภูมิลำเนาของตนเอง


นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวถึงการบริหารโรงพยาบาลสนามที่หอประชุมฯบ้านกอเปาโดยจากเดิมมีจำนวน 120 เตียงขยายเพิ่มขึ้นอีก 120 เตียง รวมเป็น 240 เตียงสาเหตุที่ต้องขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่ม เพื่อรับคนแพร่ที่ป่วยจากพื้นที่เสี่ยงจากต่างจังหวัดประสงค์จะมารักษาตัวที่จังหวัดแพร่บ้านเกิดตามโครงการ #คนแพร่ไม่ทิ้งกัน โดยจะรับผู้ป่วยมารักษาที่โรงพยาบาลสนามหากผู้ป่วยมีอาการหนัก(ผู้ป่วยสีแดง)จะส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลแพร่ หากผู้ป่วยอาการไม่หนัก(ผู้ป่วยสีเขียว)จะรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามจำนวน 10 วัน จากนั้นจะส่งตัวไปยังศูนย์พักคอยเพื่อพักรักษาตัวอีก 4 วันก่อนจะส่งตัวไปเฝ้าดูอาการที่บ้านต่ออีก 14 วัน โดยขอความเห็นใจคนในชุมชนไม่ควรรังเกียจเพราะคนที่รักษาหายแล้วจะไม่แพร่เชื้อไปสู่คนอื่นและตัวเขาไม่มีเชื้อโควิด19แล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น