ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งข่าวบิดเบือน ข่าวปลอม อย่าหลงเชื่อ

วันที่ 6ส.ค. 64 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจพบข่าวปลอม 1 กรณี และข่าวบิดเบือน 1 กรณี คือ

1.กรณีที่มีการแชร์ข้อมูลว่า มีพระราชกฤษฎีกา เพิ่มเงินให้ผู้รับบำนาญและขยายเพดานวงเงินบำเหน็จ ผ่านการพิจารณาแล้ว ทำให้ได้รับเงินบำนาญรายเดือนเพิ่มรายละ 5,000 – 10,000 บาท ซึ่งพิจารณาตามเงินบำนาญที่เคยได้รับนั้น ทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า กฎหมายดังกล่าวมีเพียงประเด็นปรับเพิ่มเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ(ช.ค.บ.)เท่านั้น โดยพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 โดยปรับเพิ่มเงินให้กับผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดบำนาญรวมกันทุกประเภทและรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) แล้ว หากได้รับต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท ปรับเป็นให้ได้รับเดือนละ 10,000 บาทยกตัวอย่างเช่น เดิมได้รับบำนาญ และ ช.ค.บ. รวมกันในอัตราเดือนละ 9,360 บาท จะได้รับ ช.ค.บ. เพิ่มอีกเดือนละ 640 บาท เป็นต้น สำหรับผู้รับบำนาญที่ได้รับเบี้ยหวัดบำนาญต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท และยังไม่เคยได้รับ ช.ค.บ. มาก่อน จะยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้ผู้รับบำนาญไปแสดงตนเพื่อยืนยันว่าไม่ได้กลับเข้ารับราชการหรือเข้าทำงานในสังกัดราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น เพื่อยื่นคำขอเบิกเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญที่ส่วนราชการผู้เบิกบำนาญก่อน เพื่อให้ส่วนราชการผู้เบิกบำนาญแจ้งกรมบัญชีกลางให้โอนเงิน ช.ค.บ. ดังกล่าว ผู้รับบำนาญจึงจะได้รับเบี้ยหวัดบำนาญและ ช.ค.บ. รวมกันเป็นเดือนละ 10,000 บาท

 

2.กรณีที่มีการแชร์ข้อมูลว่า สำนักงานเขตบางรัก มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งสำนักงาน และเตรียมปิดบริการนั้น ทางสำนักงานเขตบางรัก ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ลำดับแรกมีการพบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ จำนวน 1 ราย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จึงได้ทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการสว็อบ (Swab) ในเจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยง จำนวน 20 ราย ผลปรากฎว่าผลออกมาเป็นลบ (ไม่พบเชื้อ) ทั้ง 20 ราย พร้อมทั้งปิดโซนเพื่อทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามวันที่ 3 ส.ค. 64 ได้ทำการตรวจหาเชื้อให้กับกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม และเจ้าหน้าที่ที่รู้สึกไม่สบายใจ จำนวน 155 ราย พบข้าราชการและบุคลากรติดเชื้อ จำนวน 26 ราย จากจำนวนข้าราชการและบุคลากรทั้งหมด 651 คน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายต่างๆ แบ่งเป็น

– ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ 9 ราย
– ฝ่ายโยธา 8 ราย
– ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล 3 ราย
– ฝ่ายการคลัง 2 ราย
– ฝ่ายเทศกิจ 2 ราย
– ฝ่ายศึกษา 1 ราย
– ฝ่ายปกครอง 1 ราย

 

โดยส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ทางสำนักงานเขตจึงทำการส่งตัวเจ้าหน้าที่ไปยังศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ ทั้ง 26 ราย แล้ว พร้อมทั้งทำความสะอาด และดำเนินการตรวจหาเชื้อให้กับข้าราชการและบุคลากรเพิ่มเติมในวันนี้ ทั้งนี้ สำนักงานเขตบางรัก ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มข้น แต่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และรักษาระยะห่างทางบุคคลในระยะนี้ ทางสำนักงานเขตบางรักมีบริการ LINE Official เพื่อการเข้าถึงที่รวดเร็วและสะดวกสบายในการติดต่อราชการ สามารถแอดมาที่ @bangrakonline
ทั้งนี้เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานเขตบางรัก สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.bangkok.go.th/bangrak หรือโทร. 0-2236-1395

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จริง จำนวน 27 ราย จากข้าราชการและบุคลากรทั้งหมด 651 คน แต่สำนักงานเขตบางรัก ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มข้น
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน

5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น