กรมอนามัย ยกระดับป้องกันติดเชื้อในผู้สูงอายุ พบคนดูแลเสี่ยง ให้ตรวจด้วย Antigen Test Kit

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผู้สูงอายุเสียชีวิตเพราะติดเชื้อโควิด-19 สูงถึง ร้อยละ 65.2 จากจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโควิดทั้งหมด ย้ำผู้ดูแลผู้สูงอายุในสถานประกอบการและดูแลที่บ้าน ให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หากพบมีความเสี่ยงหรือมาจากพื้นที่เสี่ยง แนะให้ตรวจด้วย Antigen Test Kit ทุก 7-14 วัน เพื่อเป็นการลดการติดและแพร่เชื้อโควิด-19 ไปยังผู้สูงอายุ

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 8 สิงหาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 727,642 ราย เป็นผู้สูงอายุติดเชื้อ 56,397 ราย คิดเป็น ร้อยละ 7.8 และผู้ติดเชื้อเสียชีวิตทั้งหมด 6,110 ราย เป็นผู้สูงอายุที่เสียชีวิตสูงถึง 3,981 ราย คิดเป็น ร้อยละ 65.2 ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อมากที่สุด คือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อยืนยัน โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่   มักจะสัมผัสและติดเชื้อจากบุคคลในครอบครัว หรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ สำหรับการรับวัคซีนในผู้สูงอายุ พบว่าผู้สูงอายุรับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว ร้อยละ 20.87 ส่วนการรับวัคซีนครบทั้งสองเข็มมีเพียง ร้อยละ 4.9 จึงต้องมีการยกระดับมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ด้วยการขอให้สถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุ ปฏิบัติตามมาตรการของสถานที่และประเมินตนเองใน Thai Stop COVID Plus งดรับผู้สูงอายุรายใหม่

ในกรณีจำเป็นให้แยกที่พักรายใหม่ 14 วัน จัดหาวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุและผู้ดูแลบุคลากรที่ปฏิบัติงานต้องประเมินความเสี่ยงทุกวันกรณี พบว่ามีความเสี่ยงให้ตรวจ Antigen Test Kit ทุก 7-14 วัน แต่หากมีผู้ติดเชื้อให้ทำความสะอาดสถานที่ทันที พร้อมเฝ้าระวังและค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อรายใหม่ด้วย Antigen Test Kit ส่วนสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุให้ประเมินตนเองซ้ำอีกครั้งใน Thai Stop COVID Plus และจัดหาผู้ดูแลรายใหม่กรณีผู้ดูแลเดิมต้อง  กักตัว จัดระบบส่งต่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม กรณีมีความพร้อมจัดตั้ง Organization Isolation ให้ประสานโรงพยาบาลหลัก เพื่อให้คำปรึกษาและช่วยเหลือต่อไป

“ทั้งนี้ สำหรับการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อลดการติดและแพร่เชื้อ ดังนี้ 1) งดจัดกิจกรรมรวมกลุ่มในบ้าน 2) งดการกินอาหารร่วมกัน 3) จำกัดการเยี่ยมผู้สูงอายุกรณีผู้เยี่ยมที่มาจากพื้นที่เสี่ยง 4) สวมหน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น 5) ทำความสะอาดสถานที่ และพื้นผิวที่สัมผัสร่วมบ่อย ๆ 6) บุคคลในครอบครัวล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ 7) จัดให้มีระบบระบายอากาศในห้องพักที่ถ่ายเทอากาศได้ดี และ 8) กำหนดสัดส่วนของผู้ดูแลต่อผู้สูงอายุให้ลดน้อยลง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น