119 ปี กองทัพภาคที่ 3 สร้างความมั่นคงในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อประเทศชาติและประชาชน

วันที่ 20 สิงหาคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 146 ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เงี้ยวเมืองแพร่ ได้รวมตัวเป็นกบฏก่อการจลาจล ใช้อาวุธปืนบุกเข้ายึดเมืองแพร่ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เป็นแม่ทัพใหญ่ ยกกองทัพจากกรุงเทพฯ และเมืองราชบุรี และอีกส่วนหนึ่งเกณฑ์กองทัพจากเมืองพิษณุโลก เมืองพิชัย ขึ้นไปปราบกบฏเงี้ยว หลังจากปราบปรามได้สำเร็จเรียบร้อยแล้วจึงยกทัพกลับ โดยให้กำลังทหารบางส่วนตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองอุตรดิตถ์ บ้านน้ำปาด เมืองพิชัย เพื่อรักษาความสงบในลักษณะกองรักษาด่านรบ ส่วนทหารอีกส่วนหนึ่งเดินทางกลับเมืองพิษณุโลก และเข้าตั้งค่ายพัก ณ ที่ตั้งปัจจุบัน เมื่อ 20 สิงหาคม 2445 นับว่าเป็นต้นกำเนิดของ หน่วยทหารในภาคเหนือ โดยได้มีการพัฒนาตามลำดับจนกลายเป็น กองทัพภาคที่ 3 ตราบจนทุกวันนี้

กองทัพภาคที่ 3 ปัจจุบันรับผิดชอบในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และอุทัยธานี มีที่ตั้ง กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ณ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เลขที่ 1 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านคลอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เกียรติประวัติของหน่วย

  1. สงครามอินโดจีน เมื่อปี พ.ศ.2483 ราชการสนามกรณีพิพาทกับอินโดจีนของฝรั่งเศส โดยได้ ส่งกำลัง 5 กองพันทหารราบ เข้ายึดพื้นที่ดินแดนแคว้น หลวงพระบาง ฝั่งขวาแม่น้ำโขง คิดเป็นพื้นที่ 30,000 ตารางกิโลเมตร ไว้ได้
  2. สงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อปี พ.ศ.2484 นำกำลังรุกเข้ายึดพื้นที่ในเขตสหไทยเดิม ซึ่งแม้จะประสบกับความยากลำบากของภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศ ตลอดจนการต้านทานของข้าศึกเพียงใด ทหารกองทัพพายัพ (จัดจากกองทัพภาคที่ 3) ก็สามารถยึดพื้นที่เมืองพะยาค, เมืองเชียงตุง และแม่น้ำหลวย ได้เป็นผลสำเร็จโดยมีทหารเสียชีวิตและเจ็บป่วยเป็นจำนวนน้อย นับว่าการปฏิบัติการครั้งนั้นได้ผลดีเกินคาด สมความมุ่งหมายของประเทศชาติ
  3. การต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ.2510 กองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทยได้เริ่มต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นครั้งแรกที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ต่อมาได้ขยายการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวางในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดพะเยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดตาก กองทัพภาคที่ 3 ได้ผนึกกำลัง ทหาร ตำรวจ พลเรือน ในการป้องกัน และ ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 เป็นต้นมาถึง ปี 2525 เป็นเวลาถึง 16 ปี การสู้รบเป็นไปอย่างยืดเยื้อยาวนาน นอกเหนือจากใช้กำลังรบของกองทัพภาคที่ 3 ที่มีศักยภาพ และอุดมการณ์ที่มั่นคงแล้ว ยังดำเนินการด้านจิตวิทยาช่วยเหลือประชาชนซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะปรับเปลี่ยนความคิดประชาชนให้หันมาสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล การรบที่สำคัญของกองทัพภาคที่ 3 ได้แก่ยุทธการผาเมืองเผด็จศึก ในพื้นที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และยุทธการสุริยพงษ์ 1 พื้นที่รอยต่อ จังหวัดพะเยา-จังหวัดน่าน โดยได้ใช้ยุทธวิธีเคลื่อนย้ายกำลังทางอากาศเข้ายึดทำลายฐานที่มั่นแข็งแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็วทำให้ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้องพ่ายแพ้ และส่งผลให้ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในเขตงานนี้ต้องยอมมอบกายใจ และอาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จนสถานการณ์สงบสุขถึงปัจจุบัน

ความภาคภูมิใจของทหาร กองทัพภาคที่ 3 อีกประการหนึ่งคือการได้ทำงานสนองเบื้องพระยุคลบาทพระบรมจักรีวงศ์ ในการดำเนินการโครงการพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ ล้วนเป็นการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พึ่งพาตนเองได้ นอกจากนี้ยังได้มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติ อาทิ ปัญหาตามแนวชายแดน,ปัญหาชนกลุ่มน้อย, การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า,ปัญหายาเสพติด, การพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชนล้วนเป็นภารกิจอันสำคัญยิ่งของกองทัพภาคที่ 3 ที่ได้รับมอบตามกรอบของกฎหมายเพื่อให้เกิดความมั่นคงของชาติในทุกมิติสืบไป

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 พร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกโอกาส และพร้อมที่จะร่วมแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติในทุกมิติ โดยขอให้พี่น้องประชาชนส่งข้อมูลโดยตรง ให้กับ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรงแม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูล และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น