ม.4 ถูกครูใช้ฝ่ามือตบหลัง จนเป็นรอยชัดเจน ผู้ปกครองเตรียมแจ้งความแล้ว

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 นายสันติพงษ์ มูลฟอง ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน ได้เปิดเผยว่า ได้มีเด็กนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ถูกครูทำร้าย โดยแม่เด็กได้นำบุตรชายเข้ามาร้องเรียนต่อตัวเอง ว่าถูกครูทำร้ายด้วยการใช้ฝ่ามือตีอย่างแรงจนเป็นรอยประทับกลางหลังมองเห็นเป็นปื้นชัดเจน

โดยนางธิดาได้พา (นาย เอ นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.4 รร.สบเมยวิทยาคม เข้ามาพบและเล่าให้ฟังว่า ลูกชายของตนถูกนายทินกร ครูประจำ รร.สบเมยวิทยาคม ลงโทษด้วยการใช้ฝ่ามือตีที่หลังอย่างแรง จนทำให้เกิดบาดแผลรอยมือ (ตามรูป) ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายเป็นการลงโทษอย่างรุนแรงจึงทำให้ผู้ปกครองเกิดความไม่พอใจต่อการกระทำที่เกิดขึ้น เนื่องจากเด็กหวาดกลัวและไม่อยากไปโรงเรียน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เด็กนักเรียนโดนทำร้าย จึงได้ให้ทางผู้ปกครองพาเด็กที่ถูกทำร้ายเดินทางไปที่โรงเรียนและขอพบกับผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้บริหาร ซึ่งทางโรงเรียนก็ยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นและขอโทษ รับรองว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ทางโรงเรียนไม่ได้ทำบันทึกข้อตกลงตามที่ผู้ปกครองร้องขอ เพื่อจะได้เป็นหลักฐานสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยของลูกและเด็กนักเรียนคนอื่น

ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์คุยกับเด็กนักเรียนที่ถูกครูทำร้าย น้องได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าชื่อ (นาย เอ นามสมมุติ) อายุ 16 ปี กำลังรียนอยู่ชั้น ม.4 รร.สบเมยวิทยาคม อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เหตุการณ์เกิดเมื่อวันอังคารที่ 17 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 16.30 น. ขณะที่ตนเองกำลังเข้าแถวเพื่อทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนตอนเย็น มีครูผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อนายทินกร เดินมาถามว่ายังมีใครอยู่ที่หอไหม ตนตอบไปว่ามี 1 คนครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีหลายคนไหมพอครูเดินไปดูที่หอแล้วก็กลับมาตบตัวเองเข้าที่หลังจนจุกแน่นหน้าอกไปหมด จนเห็นเป็นรอยมือที่แผ่นหลัง ผ่านมาแล้ว 3 วัน รอยฝ่ามือที่กลางหลังยังไม่หาย และมีอาการเจ็บระบม จนทำให้ตนหวาดกลัวมากไม่อยากจะไปโรงเรียน เนื่องจากกลัวว่าจะโดนทำร้ายซ้ำอีก

นางธิดา  (แม่) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าฯเมื่อตนเองทราบเรื่องจากลูกชาย ก็ได้เดินทางเข้าพบ นายสันติพงษ์ มูลฟอง หัวหน้าศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน เพื่อขอคำปรึกษา หลังจากนั้นได้เดินทาง ขอเข้าพบผู้อำนวยการ และผู้บริหารของโรงเรียนสบเมยวิทยาคม เบื้องต้นได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงก็ได้รับคำตอบว่า ครูผิดจริงและขอโทษ ที่ลงโทษลูกชายตนเอง จึงขอร้องให้ใจเย็นและค่อยๆ พูดคุยกัน แต่ตนเองรู้สึกสงสารลูกที่ต้องเจ็บตัว และมีความรู้สึกหวาดกลัวจนไม่อยากไปโรงเรียน ส่วนตนเองได้ตรวจเช็คตามร่างกายของลูกยังเจ็บบริเวณที่ถูกกระทำแต่โดยเฉพาะด้านจิตใจยังยากที่จะเยียวยา

โดยตนจะเดินทางไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสบเมย และจะไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สบเมย เพื่อให้มีการแก้ไขต่อการกระทำของครูไปในทิศทางที่ดีขึ้นและไม่หวนกลับไปรังแกเด็กคนอื่น ๆ อีก ตนเห็นว่า บาดแผลทางกาย ไม่กี่วันก็หาย แต่ ทางใจเด็กคงจะไม่มีวันลืมและส่งผลกระทบต่อจิตใจไปตลอดชีวิต

ร่วมแสดงความคิดเห็น