ความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ นำกำลังเข้าตรวจสอบกุฏิสงฆ์ภายในวัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ที่มีการจัดปาร์ตี้ล้อมวงกินหมูกระทะ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงกลางดึก หลังมีการร้องเรียนจากชาวบ้าน และจากการตรวจสอบตามข้อร้องเรียน พบเจ้าอาวาสวัดและพระลูกวัดรวม 7 รูป และ ฆราวาสอีก 1 คน กำลังนั่งล้อมวงจัดปาร์ตี้หมู อีกทั้งพบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในที่เกิดเหตุ จึงได้มีการดำเนินคดี และช่วงเช้าของวันที่ 30 ส.ค.64 ที่ผ่านมา ทางเจ้าอาวาส และพระลูกวัดทั้งหมดได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการปล่อยตัว
และต่อมาในช่วงเย็น หลังการนำส่งฟ้องศาลได้พิจารณาจากพยานหลักฐาน พิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้ง 8 คน เป็นเวลาคนละ 15 วันและปรับคนละ 10,000 บาท ตามความผิดฐานรวมตัวมั่วสุมจัดกิจกรรม เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 1 ปี นอกจากนี้ ศาลยังสั่งปรับ พระครูปลัดสุรเดช , พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร , พระอธิฐณัฏฐ์ และ นายสหการ ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในข้อหาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัด หรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เป็นเงินคนละ 12,500 บาท แต่มีข้อมูลว่าทั้งหมดไม่ยอมลาสิกขาบท ในช่วงค่ำคืนวานนี้ (30 ส.ค.64) ตามที่ปรากฏข้อมูลไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ขณะที่ล่าสุด เช้าวันนี้ (31 ส.ค.64) ความคืบหน้าล่าสุด ทางผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าพระสงฆ์ทั้ง 7 รูป ประกอบด้วย 1.พระครูปลัดสุรเดช สายแผ่เยือง อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดยางกวง ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ , 2.พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร วิมุติญาณกุง อายุ 41 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ , 3.พระอธิษฐณัฏฐ์ ปัญญาอินแก้ว อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านปิง ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ , 4.พระภานุกร คำป็อก อายุ 42 ปี เจ้าอาวาสวัดปันเสา , 5.พระใบฏีกายนนนท์ ปัญญาปโตยานนท์ประทุม อายุ 35 ปี 6.พระทักษิณ ศรีธิ อายุ 36 ปี พระลูกวัดปันเสา และ 7.พระสหการ สมศักดิ์ อายุ 25 ปี ได้มีการยื่นหนังสือลาสิกขาบท หรือสึกออกจากการเป็นพระถึงเจ้าคณะ อ.เมืองเชียงใหม่ และได้ทำการสึกที่วัดอุปคุต ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
โดยพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอกพระอารามหลวง เจ้าคณะ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือลาสิกขาของพระทั้งหมดแล้ว ทางสงฆ์ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพราะทั้งหมดถือว่าขาดจากการเป็นพระ ส่วนเรื่องการแต่งตั้งเจ้าอาวาสมาแทน เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะตำบลนั้นเป็นผู้แต่งตั้ง และมีการแต่งตั้งรักษาการไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนทางโลกตามที่ติดตามข่าว ตำรวจได้มีการดำเนินคดีแล้ว ส่วนกรณีที่ว่าจะมีการดำเนินคดี ในส่วนของการทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย เป็นหน้าที่ของสำนักพุทธฯ ดำเนินการต่อ
ในส่วนของพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการผิดวินัยโลกวัชชะหรือโลกติเตียน ไม่เข้าขั้นผิดวินัยร้ายแรงอาบัติปาราชิก 4 ข้อ ที่ต้องขาดจากการเป็นพระ เพียงแค่ปรงอาบัติหรือภาวนาตน ถือว่าเสร็จสิ้นแล้วสามารถเป็นพระต่อได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง และได้มีการกำชับไปเจ้าคณะตำบลทุกตำบล ให้เข้มงวดกวดขันห้ามไม่ให้พระทุกรูปมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะผิดวินัยสงฆ์ และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
ร่วมแสดงความคิดเห็น