ข่าวปลอม พายุไต้ฝุ่นโมลาเบเข้าไทยแล้ว และอีก 5 วัน จะมีขนาดใหญ่กว่า 500 ตร.กม. ทำให้ได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่

วันที่ 31 ส.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่ามีการ ตรวจพบ ข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่ได้มีการให้ข้อมูลสภาพอากาศประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่อง พายุไต้ฝุ่นโมลาเบเข้าไทยแล้ว และอีก 5 วัน จะมีขนาดใหญ่กว่า 500 ตร.กม. ทำให้ได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีการเตือนภัยให้รับมือกับพายุไต้ฝุ่นโมลาเบ ที่เข้าประเทศไทยมาแล้วตอนนั้น ซึ่งอีก 5 วันพายุจะมีขนาดใหญ่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร ทำให้ทุกภาคของประเทศจะได้รับผลกระทบทั้งหมด ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง โดยผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลในปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณการก่อตัวของพายุโซนร้อน ส่วนชื่อพายุ “โมบาเล” เป็นพายุเมื่อปีที่แล้ว (2563) และถ้าเรียงรายชื่อต่อจากนี้ ยังไม่มีชื่อพายุ “โมลาเบ” ปรากฏ อีกทั้งการพยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า (30 ส.ค. – 5 ก.ย. 2564) บริเวณทะเลจีนใต้ ยังไม่มีสัญญาณการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนแต่อย่างใด

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อมิให้เกิดความสับสน และตื่นตระหนกขึ้นในสังคม หากมีสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพื่อเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.tmd.go.th โทรสายด่วน 1182

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณการก่อตัวของพายุโซนร้อน อีกทั้งชื่อพายุโมบาเลเป็นพายุเมื่อปี 2563 และถ้าเรียงรายชื่อต่อจากนี้ ยังไม่มีชื่อพายุโมลาเบปรากฏ

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น