เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (1 ก.ย.64) รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ท่าอากาศยานสนามบินเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย น.ท.มัธยัณห์ ไกรสรทองศรี รองผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และทีมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการรับผู้เดินทางจากสายการบินเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดการให้บริการของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในการให้ประชาชนเดินทางด้วยสายการบิน หลังจากที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.64 ที่ผ่านมา รวมระยะเวลาประมาณ 1 เดือนเศษ และได้มีการปรับปรุงพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการอีกครั้ง ภายใต้มาตรการควบคุมโรคติดต่อเชื้อโควิด-19 โดยมีการตั้งจุดตรวจและจุด Swab สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องกันการนำเข้าและการแพร่ระบาดในพื้นที่
ซึ่งในวันนี้สายการบินเที่ยวแรกขาเข้า เป็นของบางกอกแอร์เวย์ เวลาตามตาราง 09.45 น. ที่มีผู้โดยสารมายังสายการบินดังกล่าวทั้งสิ้น 48 คน โดยหลังเครื่องลงจอด ทุกคนได้ผ่านยังประตูผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ก่อนที่จะมีทางเจ้าหน้าที่คอยคัดแยกกลุ่มผู้โดยสาร โดยในส่วนของผู้โดยสารที่มีประวัติการรับวัคซีนแล้ว ก็จะเดินออกอีกทาง เพื่อไปยังทางออก ส่วนผู้โดยสารที่ไม่เคยรับวัคซีนนั้น จะต้องเข้ารับการตรวจลงบันทึกประวัติ บริเวณจุดคัดกรองบริเวณด้านหน้าประตู และรับการตรวจ Swab ก่อน จึงจะสามารถเดินทางไปที่พักได้ โดยจะมีการแจ้งผลภายใน 24 ชั่วโมง และจะต้องกักตัวในที่พักเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-14
ทั้งนี้ทางด้าน นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางรัฐบาล โดย ศบค.ได้มีการจัดมาตรการเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตและเดินทางได้ตามปกติ และมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมโรค ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ก็มีมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ โดยสนามบินก็เป็นอีกจุดในการคัดกรองผู้เดินทางด้วยสายการบิน ที่ในวันนี้เป็นวันแรกที่มีการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งในส่วนของมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้น ก็ได้มีการบูรณาการทุกภาคส่วน ในการช่วยกันดูแล และการบริหารจัดการ โดยในส่วนของผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ ก็จะต้องศึกษาระบบ และปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ทางด้าน นางวราพันธุ์ พรวิเศษศิริกุล หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับมาตรการในการควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะต้อง Swab ซ้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินทาออกท่าอากาศยานเชียงใหม่ คือ กลุ่มที่ไม่เคยมีประวัติในเรื่องของการรับวัคซีนมาก่อน และกลุ่มที่ไม่เคยมีผลตรวจโควิดในช่วง 72 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจด้วย RT-PCR หรือด้วยชุดตรวจ Test Kit แต่กลุ่มที่มีการยกเว้น สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ได้โดยไม่ต้องกักตัวคือกลุ่มที่เคยป่วยติดเชื้อโควิดในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่หากใครที่ไม่มีการรับวัคซีน และผลการตรวจ Swab รวมไปถึงไม่เคยติดเชื้อโควิดมาก่อน จะต้องรับการตรวจ Swab ก่อนออกจากสนามบินเชียงใหม่ และต้องทำการกักตัวในที่พักที่อาศัยอยู่
ด้าน น.ท.มัธยัณห์ ไกรสรทองศรี รองผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้มีการรับวัคซีนแล้วทุกคน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและผู้เดินทาง รวมไปถึงพื้นที่ต่างๆ ภายในสนามบิน ก็ได้มีการทำความสะอาดทุกจุด และมีการทำความสะอาดอย่างต่อเนื่องทุกๆ 1 ชั่วโมง จึงมั่นใจได้ว่าท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีความปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิดอย่างแน่นอน และในส่วนของเที่ยวบินตั้งแต่วันที่ 1-15 ก.ย.นั้น ยังมีจำนวนเที่ยวบินไม่มากนัก ซึ่งตกวันละประมาณเกือบ 10 เที่ยวบิน เนื่องจากยังเป็นช่วงแรกของการเปิดสนามบิน และคาดว่าในช่วงหลังวันที่ 15 ก.ย.แล้ว ก็จะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นตามลำดับ ส่วนในวันนี้เที่ยวบินแรกของบางกอกแอร์เวย์ส มีผู้โดยสารทั้งสิ้น 48 คน และคาดการณ์ไว้ว่าภายในสัปดาห์นี้ จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 1,000 คน
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว และคาดว่าหลังจากนี้สภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะมีอากาศเย็นลง ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้ จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับในขณะนี้ในส่วนของการบริการต่างๆ ทั้งในเรื่องของที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยว ทางผู้ประกอบการก็ได้มีการเตรียมความพร้อม ในการรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ และคาดว่าจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทาเข้ามาพักผ่อนในช่วงนี้ หรือช่วงที่อากาศเย็นในปีนี้อีกจำนวนมากขึ้น จึงอยากขอให้คนในพื้นที่ และประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการให้การต้อนรับและให้คำแนะนำในเรื่องของมาตรการป้องกันและควบคุมโรค เพื่อความปลอดภัยของทุกคนด้วย
ร่วมแสดงความคิดเห็น