คืบหน้า! พระผู้ใหญ่แต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส 4 วัด แทนอดีตพระที่ตั้งวงหมูกระทะซดเบียร์แล้ว

ความคืบหน้า กรณีเมื่อคืนวันที่ 29 ส.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ บุกจับกุมกลุ่มพระสงฆ์ตั้งวงสังสรรค์รับประทานหมูกระทะ และดื่มเบียร์กันอย่างเพลิดเพลินอย่างมีความสุข ภายในวัดปันเสา ซึ่งเป็นวัดชื่อดังในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยพบพระสงฆ์ 7 รูป และฆราวาสชาย 1 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก และทำการตรวจวัดพบว่ามีแอลกอฮอล์ในร่างกาย จึงควบคุมตัวทั้งหมดนำไปสอบสวนที่ สภ.และดำเนินคดี พร้อมแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฐานรวมตัวมั่วสุม

โดยต่อมาในวันที่ 31 ส.ค.64 เวลาประมาณ 17.00น. พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ได้แก่ พระครูปลัดสุรเดช  อายุ 34 ปี  , พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร อายุ 41 ปี , พระอธิษฐณัฏฐ์ อายุ 34 ปี  ,พระสหการ อายุ 25 ปี , พระภานุกร อายุ 42 ปี , พระใบฏีกาอานนท์  อายุ 35 ปี, พระทักษิณ อายุ 36 ปี  และนายจรัสรวี อายุ 23 ปี ส่งฟ้องศาลแขวงเชียงใหม่ พิจารณาสั่งลงโทษทั้งปรับและจำคุก แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา ซึ่งหลังจากนั้นในช่วงค่ำวันเดียวกันนั้น พระสงฆ์ทั้ง 7 รูป ได้ทำการลาสิกขาด้วยความสมัครใจพร้อมกันที่วัดอุปคุต ในตัวเมืองเชียงใหม่

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2564 นายวัลลภ นามวงศ์พรหม รองประธานสภาวัฒนธรรม จ.เชียงใหม่ และเลขาธิการมูลนิธิพระบรมธาตุดอยสุเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางพระชั้นผู้ใหญ่ที่ปกครอง ได้ทำการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดทั้ง 4 วัดดังกล่าวแล้ว โดยวัดปันเสา ให้เจ้าอาวาสวัดผาลาด รักษาการ,วัดยางกวง ให้เจ้าอาวาสวัดวังสิงห์คำ รักษาการ,วัดบ้านปิง ให้เจ้าอาวาสวัดดอกคำ รักษาการ และวัดหัวฝาย ให้เจ้าอาวาสวัดช่างฆ้อง รักษาการ ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตามปกติในกรณีที่วัดไม่มีเจ้าอาวาส ส่วนที่มีกระแสข่าวลือว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดทั้ง 4 วัด ลาสิกขาไปภายในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับเงินฝากในบัญชีจำนวนมากนั้น มองว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะวัดแต่ละแห่งนั้นไม่ได้มีศรัทธาญาติโยมอุปถัมภ์วัดมากนัก และแต่ละเดือนเงินที่ได้จากการทำบุญหรือรับบริจาคยังแทบไม่พอจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนา ยังมีการตรวจสอบรายรับรายจ่ายเข้มงวดทุกเดือนด้วย

สำหรับพฤติกรรมที่อดีตพระกลุ่มดังกล่าว ปฏิบัติจนนำไปสู่การถูกดำเนินคดีและตัดสินลงโทษนั้น นายวัลลภ ยอมรับว่า พฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสม แต่อีกส่วนหนึ่งอยากให้เข้าใจและเห็นใจ ว่าพระก็เป็นมนุษย์เช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มนี้ที่ยังอายุน้อย อีกทั้งเป็นพระฝ่ายเผยแผ่ ไม่ใช่พระสายปฏิบัติ ทำให้บ้างครั้งอาจจะยับยั้งชั่งใจไม่ได้ ประกอบกับประสบการณ์ยังน้อย อีกทั้งอาจมีความเครียดต่างๆ สะสมด้วย ทำให้ก่อเหตุดังกล่าวลงไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งที่จริงแล้วความผิดนี้ ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นต้องลาสิกขา เพราะเป็นเพียงปาจิตตีย์ที่เป็นความผิดเล็กน้อยเท่านั้น เพียงแค่ทำการปลงอาบัติก็ได้ แต่อดีตพระทั้งหมดก็ทราบว่าเป็นโลกวัชชะ หรือการทำผิดที่โลกติเตียน ทำให้วัดและวงการสงฆ์เสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้นทั้งหมดสมัครใจพร้อมกันที่จะลาสิกขาออกไป เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาและชื่อเสียงของวัด รวมทั้งพระชั้นผู้ใหญ่ โดยอนาคตหากทั้งหมดนี้ คิดจะกลับมาบวชเป็นพระสงฆ์อีกก็ย่อมทำได้ เหมือนคนที่หลงผิดแล้วกลับตัวกลับใจ ที่สมควรให้โอกาส

ร่วมแสดงความคิดเห็น