ข่าวปลอม!! ธนาคารออมสิน ร่วมสนับสนุนเพจเฟซบุ๊กออนไลน์ปล่อยเงินกู้นอกระบบ

วันที่ 5 ก.ย. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่ามีการ ตรวจพบข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ธนาคารออมสิน ร่วมสนับสนุนเพจเฟซบุ๊กออนไลน์ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย ธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีภาพและข้อความที่ใช้เป็นสื่อโฆษณาเงินกู้นอกระบบในสื่อโซเชียล ได้แก่ เพจ ออมทรัพย์ออนไลน์, สินเชื่อไว, สินเชื่อเงินไว, SCV 44-44, กู้เงินด่วน, สินเชื่อไทย, TMP ผ่อนสบาย, เงินกู้เพิ่มทุน หรือ เงินกู้ทันใจ, For You, เยียวยา หรือ เงินกู้ด่วนทันใจ, Thailoanเงินกู้ด่วน, เงินกู้ปลอดภัย ได้นำโลโก้ธนาคารออมสินไปร่วมเป็นผู้สนับสนุนเงินกู้นอกระบบนั้น ทางทีมงานฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว พบว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ เพจทุกเพจข้างต้น ได้แอบอ้างนำโลโก้ธนาคารออมสิน ไปใช้ในการโฆษณาสนับสนุนเงินกู้นอกระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำดังกล่าวเป็นการจงใจสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่าธนาคารออมสินให้การสนับสนุนเงินกู้นอกระบบ เป็นการละเมิดต่อธนาคาร ซึ่งจะได้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ธนาคารขอเรียนว่า ธนาคารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการตามโฆษณาดังที่ปรากฎในสื่อโซเชียลต่างๆ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อีกทั้งขอให้ใช้ความระมัดระวังพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องจากธนาคารออมสินก่อนทุกครั้ง จากเว็บไซต์ www.gsb.or.th หรือ เพจเฟซบุ๊ก gsbsociety หรือโทร. 1115
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ธนาคารออมสินไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการตามโฆษณาดังที่ปรากฎในสื่อโซเชียลต่างๆ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น