เป็นข่าวจริง! เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ทั้งคนไทย และแรงงานต่างชาติ

วันที่ 7 ก.ย. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูล ในประเด็นเรื่อง เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ทั้งคนไทยและแรงงานต่างชาติ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

รัฐบาลอนุญาตให้เปิดบริการสถานประกอบการและกิจการร้านอาหารภายใต้มาตรการที่กำหนด โดยเฉพาะเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด กระทรวงสาธารณสุขได้รับการประสานจากสมาคมภัตตาคารไทยในการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสร้างความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ให้บริการและประชาชนผู้มาใช้บริการ โดยให้บริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ผ่านการลงทะเบียนรูปแบบองค์กร เป็นความร่วมมือระหว่างกรมการแพทย์และกรมอนามัย เป้าหมาย 60,000 คน ในจำนวนนี้ประมาณ 30,000 คน ได้รับการฉีดวัคซีนไปก่อนหน้าแล้ว กลุ่มที่เหลือจะฉีดให้ครบภายใน 2 สัปดาห์ สำหรับพนักงานหรือลูกจ้างของร้านค้า แผงลอย ที่ไม่ได้อยู่ในสมาคมภัตตาคารไทย สามารถประสานผ่านสมาคมฯ เพื่อขอเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ ส่วนแรงงานข้ามชาติจะหาแนวทางร่วมกับฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้ได้รับการฉีดทุกคน โดยลงทะเบียนแบบฟอร์มของ สมาคมภัตตาคารไทย ที่ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf8-Jd-OFe9aUIOadkbJ6GbFZIKCSiPviGGYN2qKGBIkvysvQ/viewform รอรับ SMS นัดหมาย และแอดไลน์วัคซีนสมาคมฯ Line ID @thairestaurant เพื่อสอบถามข้อมูล รับแจ้งวันนัด

ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : มีการเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ทั้งคนไทยและแรงงานต่างชาติจริง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) ,(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น