ผู้ปกครองขานรับแผน เร่งฉีดวัคซีนนักเรียนก่อนเปิดเทอม 2

ผู้บริหารสถานศึกษา ในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่าตามที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะดำเนินการตามกรอบแนวทางที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและได้อนุมัติในหลักการ ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียนนักศึกษา ที่มีอายุ 12-18 ปี ทุกคน ทุกสังกัด กว่า 4.5 ล้านคนนั้น

โดยหลักการแล้ว เป็นเรื่องที่จากการที่ครูสอบถามกลุ่มผู้ปกครองต่างเห็นด้วย เพราะการเรียนออนไลน์นั้น มีอุปสรรคปัญหามากมายที่สำคัญ เด็กๆ ไม่ค่อยใส่ใจเรียนด้วย คาดว่าช่วงราวๆ ต.ค.นี้ น่าจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียน นักศึกษา พื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัดก่อน แล้วขยายไปยังจังหวัดต่างๆในทุกภูมิภาค

ทั้งนี้ตามกรอบแนวทางที่ ศธ.แจ้งนั้น จะเป็นการฉีดวัคซีนให้นักเรียน นักศึกษาในสังกัด ทั้งของรัฐและเอกชนช่วงอายุ 12-18 ปี เป็นไปตามความสมัครใจ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน จะมีแบบฟอร์มยินยอม และสถานศึกษานำส่งรายชื่อจำนวนนักเรียน นักศึกษาที่ประสงค์จะฉีดวัคซีน ส่งไปที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ตามเป้าหมายจะเร่งฉีดให้เร็วและครอบคลุมที่สุด เพื่อรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564

ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทีมข่าวได้รับการเปิดเผยจากกลุ่มครูผู้สอนในสถานศึกษาหลายแห่ง ใน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พบว่า ผู้ปกครอง แจ้งปัญหาการเรียน ออนไลน์ ค่อนข้างมาก ทั้ง สภาพแวดล้อมของอาคาร ที่พัก ไม่เอื้อต่อการเรียนของเด็กๆ มีเสียงดังรบกวนจากกิจการใกล้เคียง ในการก่อสร้างบ้าง การบริการลูกค้าเกี่ยวกับยานยนต์ ตลอดจนสัญญานอินเตอร์เน็ตขาดหายในบางวัน จากการซ่อมบำรุงของผู้บริการ เช่น ย่านเมืองแม่โจ้ อย่างไรก็ตาม การหยุดเรียนออนไลน์ ในบางช่วงที่มีปัญหา เช่น ช่วง 1-2 วัน ที่มีการซ่อมบำรุงสายสื่อสาร การโยกย้ายสาย ทางครูผู้สอนก็ให้เรียนย้อนหลังจากบันทึกการสอนได้ แต่ความสนใจ ใส่ใจในการเรียนออนไลน์ของเด็กช่วงปฐมวัย กลายเป็นภาระ ที่ผู้ปกครองต้องดูแลเพิ่มขึ้น บางครัวเรือนทำไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงาน ทั้งพ่อแม่ ต้องฝากญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้าน ที่อาจจะมีแม่บ้าน อยู่ดูแลเลี้ยงลูกไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้าน

บางกลุ่มผู้ปกครอง ลงขันกัน มีการจ้างครูพี่เลี้ยงมาช่วยติว ช่วยสอนทำการบ้านกลุ่มเด็กปฐมวัย ดังนั้นหากจะเร่งฉีดวัคซีนให้เด็กๆ ช่วงอายุดังกล่าว น่าจะช่วยคลายความกังวลของผู้ปกครองได้มาก เพราะ วัย 12-18 ปีนั้น เป็นช่วงวัยอยากรู้ อยากเห็น ปล่อยอยู่บ้านจะกลายเป็นปัจจัยสร้างความกังวลให้ผู้ปกครอง ที่ต้องออกไปประกอบอาชีพนอกบ้านได้ เพราะความห่วงใยลูกหลานที่ต้องปล่อยให้เรียนอยู่บ้าน

ร่วมแสดงความคิดเห็น