ตำรวจ สอท.บุกช่วยเหลือชาวโรฮิงญาถูกขังในบ้าน 23 คน ในกลางเมืองแม่สอด รวบขบวนการค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2564 ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดี รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.ผอ.ศพดส.ตร. ,พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 ,พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4/ผู้แทนศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) และกองบัญชาการการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำชุดปฏิบัติการร่วมสืบสวนหาข่าวขบวนการขนย้ายแรงงานชาวโรฮิงญาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก โดยได้มีการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ในการสืบสวนคดีดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำกำลังเข้าตรวจไม่มีเลขที่ ถนนอิสลามบำรุง ต.แม่สอด อ.แม่สอด อีกสถานที่หนึ่งตรวจพบ นายมูฮะหมัด ขอสงวนนามสกุล อายุ 61 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาแสดงตัวเป็นผู้เช่า ได้นำพาเข้าไปค้นภายในบ้านดังกล่าว พบชาวโรฮิงญา จำนวน 3 คน เป็นหญิง 2 คน ชาย 1 คน รวมจำนวนที่ตรวจพบทั้ง 2 แห่งพบชาวโรฮิงญา จำนวน 23 คน จากการสืบสวนทราบว่าชาวโรฮิงญา จำนวน 23 คน อยู่ในความคุ้มครองดูแลของนายมูฮะหมัดฯ ผู้ต้องหา ซึ่งนายมูฮะหมัดฯ ได้ให้การรับว่าเป็นผู้ให้ที่พักพิงอาศัยแกชาวโรฮิงญาดังกล่าวที่เดินทางเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยชาวโรฮิงญาทั้งหมดมาจากชายแดน อ.แม่สอดประเทศเมียนมาร์ และถูกส่งตัวจากนายหน้าค้าแรงงานชาวเมียนมาร์ ให้มารับตัวกักขังตัวไว้บริเวณสถานที่ดังกล่าวเพื่อเตรียมการที่จะส่งชาวโรฮิงญาไปที่ประเทศมาเลียเซียต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวนายมูฮะหมัด ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อน เร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” จึงได้จับกุมตัว พร้อมทั้งได้ตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดีนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ล่าสุด ส่งชาวโรฮิญาไปยังห้องกัก ตม.จว.ตาก เพื่อตรวจสอบเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยสาธารณะสุขจังหวัดตาก ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคจังหวัดตาก และเพื่อเตรียมความพร้อมร่วมกันกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตาก ,จัดหางานจังหวัดตาก ในการคัดแยกเหยื่อผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หากพบว่าแรงงานชาวโรฮิงญาดังกล่าวเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จะทำการสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับขบวนการขนย้ายแรงงานชาวโรฮิงญาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเป็นคดีที่ ตร.ให้ความสำคัญ และเร่งด่วนในการปราบปรามจับกุมผู้เกี่ยวข้องในขบวนการค้าแรงงานชาวเมียนมาร์และชาวโรฮิงญาข้ามชาติ

คดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมชาวโรฮิงญาที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และถูกผู้ดูแลกักขังหน่วงเหนี่ยวที่ที่เข้ามาในประเทศไทย บริเวณ พื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี โดยชาวโรฮิงญาที่ถูกกักขังโดยได้ให้การว่า ขบวนการดังกล่าวคือนายหน้าที่รับตัวชาวโรฮิงญามาที่บริเวณชายแดนแม่สอด-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก และนำมาแวะพักอาศัย จากนั้นได้นำส่งตัวให้คนขับรถตู้เพื่อนำส่งต่อไปยังนายหน้าที่บริเวณชายแดนใต้-มาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการขนย้ายนำพาแรงงานต่างด้าวชาวโรฮิงญาข้ามชาติเดินทางส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อใช้แรงงานต่อไป

คดีนี้ เป็นคดีที่ตำรวจได้ให้ความสำคัญเร่งด่วนในการปราบปรามกวาดล้างจับกุมขบวนการค้ามนุษย์และแรงงานที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทยเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือในการปราบปรามและแก้ไขปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์และแรงงาน (TEIR) ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่องค์กรสหประชาชาติและนานาประเทศได้วางไว้

ร่วมแสดงความคิดเห็น