วันที่ 16 ก.ย. 64 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่าโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายในกัมพูชาทยอยเปิด การเรียนการสอนตามปกติ หลังจากประชากรส่วนใหญ่ฉีดวัดซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ไหม่ (โควิด-19) แล้ว
กัมพูชา ซึ่งมีประชากรทั้งหมด 16 ล้านคน เริ่มฉีดวัคนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ 10 ล้านคนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเริ่มฉีดให้วัยรุ่นอายุ 12-18 ปี เกือบ 2 ล้านคน เมื่อเดือนสิงหาคม ปัจจุบันกัมพูชามีผู้ใหญ่และวัยรุ่นฉีดวัคนป้องกันโรค โควิด-19 โดสแรกแล้ว 9.77 ล้านคน และ 1.71 ล้านคน ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 71.8 ของประชากรทั้งหมด โดยวัคซีนส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นของซิโนแวคและชิโนฟาร์มจากจีน
ก่อนหน้านี้ ฮอง จวน นารน รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการกัมพูชา กล่าวว่าคณะครูและนักเรียนต้องฉีดวัคซีน ป้องกันโรคโควิด-19 และแสดงใบรับรองการฉีดวัคชื่นก่อนเข้าโรงเรียน ส่วนครูและนักเรียนที่ยังไม่ฉีดวัคชื่นไม่ควรเข้ามาในบริเวณรงเรียน แต่ยังสามารถสอนหรือเรียนทางออนไลน์ ขณะเดียวกันจะมีการระงับชั้นเรียนหรือปิดโรงเรียนชั่วคราวหากพบการระบาด และต้องแจ้งเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยทันที
ด้านลี ไอแลน ผู้แทนองค์การอนามัย โลก (WH0) ประจำกัมพูชา ชื่นชมการทยอยเปิดโรงเรียน พร้อมอ้างอิง หลักฐานว่าเด็กและโรงเรียนไม่ใช่ตัวการหลักผลักดันการระบาดของโรค โดยเด็กมีโอกาสป่วยหนักหรือเสีย ชีวิตน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก
ภาพ : สำนักนักข่าวซินหัว
ลีเสริมว่าการปิดโรงเรียนเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเด็กอย่างมาก ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และการเรียนรู้ ตลอดจนเพิ่มภาระให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องทำงานหาเงิน โฟรูฟ โฟยูชาท ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ประจำกัมพูชา ชี้ว่าการเปิดโรงเรียนตามปกติเป็นผลจากการฉีดวัดซีนป้องกัน โรค โควิด-19 มีความคืบหน้า พร้อมแนะนำเปิดโรงเรียนในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำก่อน โดยจำกัดขนาดชั้นเรียนและป้องกันโรคอย่างเข้มงวด
สม คำสาน จากโรงเรียนมัธยมปลายพระสีสุวัตติ์ เผยว่าโรงเรียนดำเนินการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด นักเรียนต้องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนเข้าโรงเรียน รวมถึงจำกัดจำนวนนักเรียนในห้องเรียนไม่เกิน 15 คน และนั่งห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร
ขุน โสเพียก นักเรียนวัย 15 ปี เผยความดีใจที่ได้กลับมาเรียนตามปกติ เพราะการเรียนออนไลน์ทำให้เครียดมากกว่า โดยตอนนี้เธอฉีดวัคชื่นของชิโนแวคครบโดสแล้ว และมั่นใจในความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิภาพของวัคชีนตัวนี้
ภาพ : สำนักนักข่าวซินหัว
ร่วมแสดงความคิดเห็น