เมื่อวันที่ 28 เวลา 09.00 น. นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผวจ.แพร่ ได้ให้ นายสมบัติ กิติสารตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ รับเรื่องร้องเรียน หลังจากผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณี เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 นางกฤติยวดี บ้าน หมู่ 6 ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ได้ร้องขอความเป็นธรรมจากอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เข้าล้อมรั้วติดลำห้วย ที่ตนให้ลูกค้าได้เข้าไปพักผ่อนเล่นน้ำตามข้างห้วยจึงทำให้ไม่มีลูกค้ามาเลยตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงวันที่ 21 กันยายน 2564 ซึ่งนางกิติยวดีได้เล่าทั้งน้ำตาว่าต้นเปิดร้านที่นี่มาตั้งแต่ปี 2557 เมื่อก่อนเป็นของกรมป่าไม้จังหวัดแพร่และได้ตั้งพิกัดปักเสาให้เป็นแหล่งทำมาหากินได้
จนกระทั่งมีการถ่ายโอนมายังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพืชพืชพันธุ์ ซึ่งได้มาเก็บค่าเช่าที่ของตนปีละ 3,000 บาทจากที่เมื่อก่อนป่าไม้ไม่เคยเก็บตนเลยตนก็ไม่ว่าอะไรจนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่อุทยานเอาหนังสือให้ตนเซ็นหาว่าตนรุกล้ำป่าไม้ แต่ตนไม่ได้เซ็น และวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ได้มีเจ้าหน้าที่มาล้อมรั้วพื้นที่ให้ลูกค้าลงเล่นน้ำ และอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นที่ร้านค้าของอีกเจ้าหนึ่ง และไม่ให้ลงเล่นน้ำ หรือทำพื้นที่ปลูกกินใดๆ ทั้งสิ้น และมีป้ายประกาศไว้ว่าเป็นเขตหวงห้ามของอุทยาน
ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2564 วันถึงวันที่ 21 กันยายน 2564 ตนไม่มีรายได้เข้าร้านเลย วัตถุดิบที่ซื้อมาก็เน่าเสียไปหมด เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ไม่มีลูกค้าเข้า เพราะลวดที่ขึงติดลำห้วยอย่างหนาแน่นจนทำให้ลูกค้าคิดว่าร้านปิด เคยโทรไปขอร้องกับทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานว่าขอให้เปิดช่องทางให้ เพราะตรงที่ล้อมรั้วนั้นคือทางปั๊มน้ำที่ต้องสูบน้ำขึ้นมาเพื่ออุปโภคบริโภค แต่เจ้าหน้าที่ให้ไปใช้อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางสูงชัน
สามีของตนอายุเกือบ 70 ปีแล้ว และตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง (ไม่มีลูก) อยู่กันสองคนสามีภรรยาทำมาหากินเปิดร้านตรงนี้แต่ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานมาตัดทางทำมาหากินของตน ตนเสียใจมาก ประกอบกับสถานการณ์ Covid-19 และยังมีอีกหลายร้านที่ต้องเดือดร้อน
โดยนายสมบัติ กิติสาร/รักษาการแทนกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ตัวแทนของผู้ว่าราชการที่รับหนังสือร้องเรียน ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะดำเนินและสอบสวนถึงเรื่องราวร้องทุกข์ 15 วันภายในวันนี้ทำการและจะให้ความยุติธรรมจนถึงที่สุด จนเป็นที่น่าพอใจต่อผู้ร้องเรียน
ร่วมแสดงความคิดเห็น