คุมเข้ม สอบบรรจุราชทัณฑ์ 22 ต.ค.นี้

งานประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ แจ้งว่าตามที่กรมราชทัณฑ์เปิดรับสมัครบุคคลภายนอก เข้าสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในสังกัดตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ปฏิบัติงาน (งานควบคุมผู้ต้องขังชาย และอื่นๆ) รวม 325 อัตรา มีผู้สมัครฯ 4,031 คน จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จึงมีการเลื่อนสอบออกไปเป็นระยะๆ ล่าสุด เตรียมเปิดให้สอบวันศุกร์ที่ 22 ต.ค.2564 ณ สนามสอบมหาวิทยา ลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือให้ผู้เข้าสอบ ต้องปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ก่อนเดินทางมาสอบ ให้ผู้เข้าสอบกักตัวอยู่ในที่พัก หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ก่อนวันสอบอย่างน้อย 14 วัน, ต้องเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ก่อนวันสอบอย่างน้อย 1 เข็ม ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ RT-PCR หรือ ATK พร้อมยืนยันผล และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งในระหว่างเดินทางและระหว่างเข้าสอบ รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน โรคที่ ศบค. กำหนดอย่างเคร่งครัด

ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุว่า การดำเนินการสอบเป็นไปตามมาตรฐานของระบบสอบคัดเลือกบรรจุรับราชการ ซึ่งที่ผ่านๆ มานั้น กรมราชทัณฑ์ ดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนตามระบบสากลอย่างเคร่งครัด จะเห็นได้จากผลงาน ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ปี 2564 ระดับดีเด่น ประเภทองค์กรภาครัฐ องค์กรระดับพื้นที่ภายในจังหวัดหรือเทียบเท่า

นอกจากนั้น ยังกวดขันเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ยุติธรรม ไม่แสวงประโยชน์โโยมิชอบ และการคัดเลือกสอบบรรจุ จะเป็นด่านแรกนการคัดกรองบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาร่วมงาน ซึ่งมีขั้นตอนต่างๆตามกฎกติกา เพื่อให้ได้เจ้าหน้าที่ ผู้มีความรู้ มีคุณธรรมควบคู่กันด้วย “ในการประชุม อ.ก.พ. กรมราชทัณฑ์ มีการพิจารณาลงโทษข้าราชการที่ผิดวินัย มีพฤติการณ์ที่เสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่น ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ มีมติลงโทษเจ้าหน้าที่ไล่ออก และปลดออก รวม 10 ราย จาก 11 กรณี อาทิ การทุจริตต่อหน้าที่ การเรียกประโยชน์จากผู้ต้องขัง หรือญาติ การลักลอบนำสิ่งของต้องห้าม หรือไม่อนุญาตเข้าเรือนจำ การขาด
ราชการ เกิน 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และการปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัดยึดถือปฏิบัติ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ก็อาจจะมีที่กระทำความผิดไปบ้าง ซึ่งจะกำชับ หน่วยงานในสังกัดดูแลสอดส่องอย่างใกล้ชิดต่อไป”

ร่วมแสดงความคิดเห็น