(มีคลิป) ชาวบ้านบ้านไร่น้ำหินยื่นหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์หลังได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าบ้านไร่น้ำหิน

หลังจากเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 เวลา 10.00-11.00 น. ตัวแทนราษฎรบ้านไร่น้ำหิน ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย จำนวน 16 คน ได้เข้ามายื่นหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนาน้อย กรณีได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนเกี่ยวกับนโยบายทวงคืนผืนป่าบ้านไร่น้ำหิน โดยนายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอนาน้อย พร้อมด้วยปลัดอำเภอได้ร่วมประชุมรับฟังปัญหา หาแนวทางแก้ไข ซึ่งเป็นกรณีเนื่องจากได้รับทราบจากราษฎรผู้ร้องเรียนว่า พนักงานสอบสวน สภ.นาน้อยได้เรียกสอบสวนเพิ่มเติม ทำให้ราษฎรเกรงกลัวว่าจะต้องโดนดำเนินคดี

ต่อมา นายนพพร เรืองสว่าง จึงได้นัดหมายให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงให้ราษฎรทราบ ในวันที่ 30 กันยายน 2564 เวลา 09.00 – 13.30 น. ณ หอประชุม อบต.สถาน โดยมี นายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอนาน้อย พร้อมด้วย นายวัชรินทร์ ทับทิมไทย , นายสิทธิชัย ชัยมงคล , นายณัฐพล จำแปงตา ปลัดอำเภอ ,พ.ต.ท. วิทูร ชัยวุฒิ รองผกก.สภ.นาน้อย ,นายสยาม มังกิตตะ หัวหน้าหน่วย นน.16 ได้ร่วมชี้แจงประเด็น ปัญหา ข้อสงสัยเพื่อทำความเข้าใจกับราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ จำนวนประมาณ 250 คน ที่หอประชุม อบต.สถาน โดยทางราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ(ราษฎรพื้นที่ นาน้อย – นาหมื่น )มีนายปวรวิช คำหอม(ตัวแทนสมาพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ กลุ่ม P-Move) นายสิทธิพล สอนใจ นายสงกรานต์ ต๊ะติ๊บ เป็นตัวแทนสอบถามกรณีที่ พนักงานสอบสวน จะดำเนินการสอบสวนเพิ่ม ตามที่อัยการจังหวัดสั่งให้สอบสวนเพิ่มการบุกรุกพื้นที่ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ 7,820 ไร  เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ของราษฎร ให้ได้รับความเป็นธรรมและตามกฎหมายที่ถูกต้อง นายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอนาน้อยจึงดำเนินการดังนี้


1.แจ้งประสานกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน. เกี่ยวกับข้อมูลความเดือดร้อนของราษฎรในเบื้องต้น
2.ให้ตัวแทนราษฎรทำหนังสือถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน เพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3.อำเภอนาน้อย สภ.นาน้อย และตัวแทนราษฎร จะร่วมกันติดตามผลการดำเนินการ เพื่อให้ได้ข้อยุติ เป็นระยะ (อาทิตย์ละ1 ครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 7 พ.ย.2564 ) โดยนายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอนาน้อย จะเป็นผู้ควบคุมการติดตาม และประสานข้อมูลร่วมกัน กับตัวแทนกลุมชาวบ้านอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เมื่อราษฎรทั้งหมดได้รับฟังคำชี้แจง แต่เมื่อเวลา 14.00 น. ราษฎรมีความต้องการจะเดินทางไปที่ศาลากลาง จังหวัดน่าน เพื่อพบผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เพื่อประสานสำนักงานอัยการจังหวัดในการทำบันทึกข้อตกลงสั่งไม่ฟ้องอีกครั้ง โดยมี นายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอนาน้อย จะเดินทางไปครั้งนี้ด้วยโดยราษฎรดังกล่าวที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้มีประมาณจำนวน 250 คน ใช้ยานพาหนะ รถยนต์ทั้งหมดประมาณ 20 คัน

ต่อมาเวลา 15.30 น. กลุ่มราษฎรจำนวน ประมาณ 250 คน นำโดยนายสิทธิพล  สอนใจ เดินทางมา ร่วมชุมนุมกางเต็นท์ที่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน  เพื่อทวงถามความคืบหน้าการแก้ปัญหา กรณีพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรนาน้อยจะดำเนินการสอบสวนเพิ่มตามคำสั่งอัยการจังหวัด เรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้จำนวน 7,820 ไร่ ชาวบ้าน 255 คนได้รับความเดือดร้อนโดยชาวบ้านอ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ  ที่ผ่านมาได้แจ้งร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน คดีดังกล่าวอัยการจังหวัดน่านได้เสนอสำนวนไปที่อัยการภาค และอัยการภาคให้ความเห็นว่า ควรจะต้องมีการสั่งฟ้อง แยกรายคดีเป็น 255 คดี ชาวบ้านเกรงว่าตนจะมีความผิด จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรม


ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจข้อกฎหมายให้แก่กลุ่มราษฎร เข้าใจ  ณ ห้องประชุมเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ  ชั้น 2 ศาลากลาง
ในการนี้ตัวแทนชาวบ้านได้เจรจากับภาครัฐนำโดย นายวีระพงษ์  ฤทธิ์รอด  หัวหน้าสำนักงานจังหวัดน่าน นายนพพร  เรืองสว่าง  นายอำเภอนาน้อย   นายรติ ช่อลำไย อัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดน่าน และพันตำรวจโทวิฑูรย์  ชัยวุฒิรองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาน้อย  ที่ประชุมได้ข้อสรุปดังนี้  ตำรวจจะทำสำนวน ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 และรวบรวมส่งอัยการ เพื่อทำความเห็นเสนออัยการสูงสุด เนื่องจากอำนาจในการสั่งคดีเป็นของอัยการสูงสุด  โดยตำรวจสั่งไม่ฟ้อง ประชาชนทั้ง 255 คน และระบุเป็นพยานไม่ใช่ผู้ต้องหา

นายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอนาน้อยจะเป็นผู้ประสานข้อมูล พร้อมรายงานความคืบหน้าให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบทุกสัปดาห์  ทั้งนี้ได้มีการลงนามรับทราบข้อตกลงร่วมกัน โดยตัวแทน ทั้งภาครัฐและประชาชน หลังแกนนำชี้แจงให้ชาวบ้านรับฟัง เป็นที่พอใจจึงแยกย้ายเก็บของกลับไปยังภูมิลำเนา โดยไม่มีเหตุรุนแรงหรือกระทบกระทั่งกันระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่รัฐ

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น