ปภ.รายงานยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 18 จังหวัด ประสานเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

วันที่ 1 ต.ค. 64 เวลา 09.40 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” ในช่วงวันที่ 23-30 ก.ย. 64 เกิดอุทกภัยใน 31 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม รวม 193 อำเภอ 981 ตำบล 6,827 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 229,220 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย สูญหาย 1 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 13 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 18 จังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ซึ่งเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 64 -ปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ 31 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม 193 อำเภอ 981 ตำบล 6,827 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 229,220 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 7 ราย (ลพบุรี 6 ราย และเพชรบูรณ์ 1 ราย) สูญหาย 1 ราย (เพชรบูรณ์ 1 ราย) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 13 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก บุรีรัมย์ นครปฐม ยโสธร สุรินทร์ เลย ศรีสะเกษ สระแก้ว จันทบุรี และปราจีนบุรี) ยังคงมีสถานการณ์ 18 จังหวัด ดังนี้

  • สุโขทัย ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง อำเภอคีรีมาศ และอำเภอเมือง ระดับน้ำลดลง
  • พิษณุโลก น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังทอง อำเภอพรหมพิราม และอำเภอบางระกำ ระดับน้ำลดลง
  • เพชรบูรณ์ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหนองไผ่ อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ อำเภอเมือง อำเภอน้ำหนาว และอำเภอบึงสามพัน ระดับน้ำลดลง
  • พิจิตร น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบึงนาราง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพทะเล และอำเภอ สามง่าม ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร ระดับน้ำทรงตัว
  • กำแพงเพชร ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอขาณุวรลักษบุรี และอำเภอคลองขลุง ระดับน้ำลดลง
  • ขอนแก่น น้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอภูผาม่าน อำเภอชุมแพ อำเภอหนองเรือ อำเภอแวงน้อย อำเภอแวงใหญ่ อำเภอโคกโพธิ์ไชย อำเภอชนบท อำเภอมัญจาคีรี และอำเภอโนนศิลา ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  • ชัยภูมิ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอภูเขียว อำเภอบ้านเขว้า อำเภอจัตุรัส และอำเภอคอนสวรรค์ ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  • นครราชสีมา ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอด่านขุนทด อำเภอสูงเนิน อำเภอโนนสูง อำเภอเมือง อำเภอพิมาย อำเภอปักธงชัย อำเภอโนนโทย อำเภอคง อำเภอพระทองคำ อำเภอจักราช อำเภอสีดา อำเภอขามสะแกแสง และอำเภอบ้านเหลื่อม ระดับน้ำเพิ่มขึ้น อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ จังหวัดได้จัดตั้งจุดอพยพ 4 จุด ในอำเภอโนนสูง อำเภอ โนนไทย อำเภอแก้งสนามนาง และอำเภอเมือง ผู้อพยพ 544 คน
  • อุบลราชธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเมือง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น จัดตั้งจุดอพยพในอำเภอเมือง ผู้อพยพ 467 คน
  • นครสวรรค์ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลาดยาว และอำเภอท่าตะโก ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำลดลง
  • อุทัยธานี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง และอำเภอทัพทัน และอำเภอสว่างอารมณ์ ระดับน้ำลดลง
  • ชัยนาท เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมโนรมย์ อำเภอวัดสิงห์ อำเภอเนินขาม อำเภอหันคา อำเภอสรรคบุรี อำเภอสรรพยา อำเภอเมือง และอำเภอหนองมะโมง และระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  • ลพบุรี ยังคงน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอชัยบาดาล อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอโคกสำโรง ระดับน้ำลดลง
  • สระบุรี เกิดอุทกภัยในฃนพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังม่วง อำเภอแก่งคอย อำเภอเสาไห้ อำเภอบ้านหมอ อำเภอหนองโดน อำเภอวิหารแดง อำเภอพระพุทธบาท อำเภอเมือง อำเภอมวกเหล็ก อำเภอฉลิมพระเกียรติ และอำเภอดอนพุด ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  • สุพรรณบุรี ยังคงน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  • สิงห์บุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองและอำเภอค่ายบางระจัน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  • อ่างทอง น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอไชโย และอำเภอป่าโมก ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  • พระนครศรีอยุธยา น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอเมือง และอำเภอบางไทร ยังน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองโผงเผง ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบขนาดใหญ่เพื่อเร่งระบายน้ำแล้ว

ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบันบางพื้นที่เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ ขณะที่พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมพร้อมรับมือแล้ว ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ

สำหรับประชาชนสามารถแจ้งเหตุ และขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784”

ร่วมแสดงความคิดเห็น