(มีคลิป) ไม่ทันกลโกง!! เด็กสาว ม.5 หอบหลักฐานแจ้ง ตร.ถูกลวงโอนเงิน 15,000 บาท ให้เพจมิจฉาชีพ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (5 ต.ค. 64) น.ส.บิว (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ได้เดินทางมากับผู้ปกครอง นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 จากกรณีที่เจ้าตัวถูกเพจออนไลน์หลอกให้โอนเงินไปจำนวนประมาณ 15,000 บาท โดยลวงว่า จะได้รับเงินจำนวน 5,000 บาท เป็นการช่วยเหลือคนตกงาน พร้อมทั้งส่งไลน์แอดมาให้กดเข้าไป และได้ขอข้อมูลส่วนตัวเป็นชื่อ และเลขบัญชีธนาคาร ก่อนจะขอให้โอนเงินเพื่อเป็นค่าทำรายการ ซึ่งทางผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ไป 6-7 ครั้ง ในจำนวน 2,000-3,000 บาท ในแต่ละรอบ จนกระทั่งมารู้ตัวว่าถูกหลอกและไม่สามารถทวงเงินคืนได้ ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (4 ต.ค. 64) จนในวันนี้จึงนำหลักฐานมาแจ้งความ เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามมิจฉาชีพดังกล่าวมาดำเนินคดี

โดยทาง น.ส.บิว (นามสมมุติ) เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ว่า ช่วงเย็นวานนี้ (4 ต.ค. 64) เวลาประมาณ 16.00 น. ตนได้เล่นเฟซบุ๊ก และเห็นข้อความในเพจเกมส์เพจหนึ่ง โดยในโพสต์ก็มีคอมเม้นว่า จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท เป็นการช่วยเหลือคนตกงาน และผู้ได้รับผลกระทบโควิด โดยให้แอดไลน์ตามที่ได้แจ้งไว้ ตนก็ได้แอดไลน์ดังกล่าว ที่ปรากฎในคอมเม้นไป เมื่อตนกดแอดไลน์ไปก็มีไลน์ผู้หญิงคนหนึ่งเด้งขึ้นมา บอกให้ตนแอดไลน์ไปอีกครั้ง และได้มีการขอเลขบัญชีธนาคารของตน รวมทั้งชื่อของตน จากนั้นก็ได้ส่งภาพเครดิตของคนที่ได้รับรางวัลมาให้ตนดู จากนั้นก็ได้แจ้งให้ตนแอดไลน์ของอีกคน เพื่อทำรายการถอนเงิน อีกทั้งแจ้งกับตนว่าตอนนี้ตนได้เงินรางวัลแล้วจำนวน 12,000 บาท และให้ติดต่อคุยกับคนในไลน์ดังกล่าว เพื่อฟังเงื่อนไขการถอนเงิน พร้อมทั้งแจ้งว่าการถอนเงินนั้น จะมีค่าทำรายการจำนวน 3,000 บาท ซึ่งตนก็แปลกใจและสอบถามไปว่า ทำไมถึงมีค่าทำรายการจำนวนมาก แต่ตนก็โอนไปให้ในที่สุด

แต่ต่อมาบุคคลดังกล่าวที่คุยในไลน์ ก็ได้แจ้งขอให้ตนโอนเงินไปเรื่อยๆ โดยอ้างว่าเงินของลูกค้ามีจำนวนมาก และต้องใช้เงินจำนวนมากในการถอนรายการ ซึ่งก็ขอให้ตนโอนเงินไปเรื่อยๆ หลายรอบ และยังอ้างอีกว่าให้โอนครั้งสุดท้ายจำนวน 2,400 บาท ซึ่งจะเป็นการโอนครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นการทำรายการ และแจ้งกับตนว่าจะได้รับเงินรางวัล และเงินที่โอนไปทั้งหมดด้วย ด้วยความที่ตนหลงเชื่อเพราะทางนั้นก็บอกว่าไม่โกง และหากโกงก็สามารถนำหลักฐานไปแจ้งความหรือโพสต์ประจานได้เลย ทำให้ตนโอนเงินไปให้อีก จนตอนนี้มียอดรวมทั้งหมดประมาณ 15,000 บาท และหลังจากนั้นแอดมินที่คุยกับตนก็หายไปเลย ซึ่งตนก็ได้พยายามติดต่อแจ้งว่าเงินที่ว่าจะได้รับนั้นยังไม่ถูกโอนมาให้ และพยายามสอบถามไปตลอด แต่ก็ไม่ยอมอ่านข้อความ

จนกระทั่งช่วงสายวันนี้ (5 ต.ค. 64) ทางบุคคลดังกล่าวก็ตอบกลับมาแจ้งกับตนว่า เมื่อวานเว็บไซต์มีปัญหา ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ พร้อมกับส่งเลขบัญชีเดิมที่ตนโอนเงินไปให้ และบอกว่าขอให้ตนโอนเงินไปอีก 3,000 บาท เพื่อเป็นการทำรายการครั้งสุดท้าย และจะได้รับเงินคืน ซึ่งเป็นการพูดวนไปมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ จนตอนนี้ตนก็ไม่ได้เงินคืนแต่อย่างใด นอกจากนี้ ก็ยังทักแชทมาหาตนอยู่เรื่อยๆ แต่ตนก็ไม่กล้าเชื่อแล้ว และได้แจ้งกับแม่ของตน ก่อนที่จะนำหลักฐานเข้ามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากฝากเตือนและขอให้กรณีของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ว่าอย่างหลงเชื่อกลอุบายของกลุ่มมิจฉาชีพในลักษณะนี้ ที่อ้างว่าจะให้เงินรางวัลง่ายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับตนครั้งนี้ ก็เพราะว่าอยากได้เงินไปจ่ายค่าเทอม และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง และอยากให้ตรวจสอบข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ อย่างไปหลงเชื่อง่ายๆ และทำให้ตนรู้ว่าเงินนั้นไม่ได้มาง่ายๆ ซึ่งในตอนนี้ตนก็เดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเงินที่ถูกหลอกไปนั้นเป็นเงินที่ได้ไปยืมมาจากเพื่อนๆ ที่รู้จัก เนื่องจากคิดว่าจะได้เงินกลับมา แล้วจะเอาไปคืน ซึ่งตรงนี้ตนก็อยากฝากขอโทษเพื่อนๆ ที่หยิบยืมเงินมาและจะรีบหาเงินไปใช้คืนให้เร็วที่สุด

ขณะที่ทางด้านผู้ปกครองของ น.ส.บิว (นามสมมุติ) บอกว่า ตนได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเย็น หลังจากที่ลูกสาวได้โอนเงินให้กับมิจฉาชีพไปแล้ว ซึ่งลูกสาวมีอาการเครียดมาก และร้องไห้มาปรึกษากับตน โดยเงินดังกล่าวที่ถูกหลอกไป ก็ทราบว่าลูกสาวได้ไปหยิบยืมมาจากเพื่อนๆ 6-7 คน รวมเป็นเงิน 15,000 บาท ซึ่งตนก็ตกใจมากที่ทราบว่าลูกสาวไปยืมเงินมากถึงขนาดนี้ และถูกหลอกเอาเงินไป นอกจากนี้ ในตอนนี้ก็มีเพื่อนๆ บางรายที่ติดต่อมาขอเงินคืน และบอกด้วยว่าหากไม่ได้เงินคืนภายใน 2-3 วันนี้ ก็จะเข้าแจ้งความดำเนินคดี ทำให้ตอนนี้ตนก็รู้สึกเครียดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากขอให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือติดตามตัวคนร้ายมิจฉาชีพดังกล่าว มาดำเนินคดีให้ได้

อย่างไรก็ตาม หลังการนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่แล้วนั้น ได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกับทาง น.ส.บิว (นามสมมุติ) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 จะได้รวบรวมข้อมูลเบาะแสทั้งหมด เพื่อใช้ในการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายดังกล่าวมาดำเนินคดีต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น