ตำรวจ ภ.5 ร่วมกับ จนท.ปาไม้ ตชด.323 บุกจับไม้เถื่อนเมืองแพร่ โรงงานบ้านน็อคดาวน์ ต.นาพูน

เมื่อบ่ายวันนี้ 12 ต.ค. 64 เวลา 15.30 น. จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.14 (แม่แปง) จนท.ศูนย์ป้องกัน และปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สจป.ที่ 3 สาขาแพร่ ตร.ชป.ศปทส.ภาค 5 โดยการอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบชภ.5 ,พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช. ภ.5 ,หล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ5 ,พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ ยอดคำ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.5 ,ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.จิตรภณ สมหมาย พร้อมพวกจนท.ชุดปฏิบัติการพิเศษบาไม้ภาคเหนือ 2 ตร.ร้อย ตชด.323 กก.ตชด.32 (พะเยา) จนท.ชุดปฎบัติการพิเศษป่าไม่แพร่ ศูนย์ป่าไม้แพร่ ตร. สภ.นาพูน

เข้าทำการจับกุม พ.ร.บ.ป่าไม้ โดย จนท.ชุดดังกล่าวร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ โดยเดินทางด้วยรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของ ตามที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ว่าบริเวณตรงข้ามโรงไฟฟ้า สาขาย่อย ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ มีการตั้งโรงงานแปรรูปไม้เถื่อน ขอให้คณะเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ ตามวัน และเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าทำการตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง ไปตามเส้นทาง ต.นาพูน  จนกระทั่งถึงบริษัทแห่งหนึ่ง ได้สังเกตุเห็นคนงานกำลังทำการแปรรูปไม้อยู่ภายในพื้นที่ตรงข้ามโรงไฟฟ้า เจ้าหน้าที่จึงได้หยุดรถอยู่บริเวณบนถนน และมองเข้าไปภายในบริเวณ ซึ่งกำลังทำการแปรรูปไม้ ซึ่งในขณะนั้นประตูหน้าโรงงานได้เปิดไว้ พบเห็นไม้สักท่อน และไม้สักแปรรูป

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบภายในบริเวณ โดยอ้างถึง มาตรา 92 (4) “เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควร ว่าสิ่งของที่มีใว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ใช้หรือมีใว้เพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในนั้น ประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่า จะเอาหมายค้นมาได้ สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายหรือทำลายเสียก่อน”จนกระทั้งมีชายคนหนึ่งได้เดินออกจากบ้านพักมาหาคณะเจ้าหน้าที่ ได้สอบถามชายคนดังกล่าว ทราบชื่อ นายณัฏธุวิริทธิ์ (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ได้แนะนำตัว พร้อมแจ้งวัตถุประสงค์ให้นายณัฏธุวิริทธิ์ฯ ทราบ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามนายณัฏธุวิริทธิ์ ว่าภายในบริเวณบ้านของท่านมีการแปรรูปไม้ใช่หรือไม่ นายณัฏฐวริทธิ์ ได้ตอบว่าใช่แต่มีใบอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุญาตเข้าทำการตรวจสอบภายในบริเวณบ้าน ตรงจุดที่พบว่ามีการแปรรูปไม้ นายณัฏฐวริทธิ์ ได้ยินยอม และยินดีให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบ

ผลการตรวจสอบพบ นายณัฏธุวิริทธิ์ ได้ให้การว่าโรงงานแปรรูปไม้ดังกล่าวเป็นของตนเอง ซึ่งตนเองตั้งโรงงานแปรรูปไม้เพื่อสร้างบ้านน็อคดาวน์เพื่อจำหน่าย และตนเองเป็นผู้ดำเนินการ โดยได้ยื่นขอใบอนุญาตกับสำนักงานอุตสาหกรรม จ.แพร่ พร้อมยืนใบอนุญาตให้คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสำเนาเอกสารใบอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามถึงใบอนุญาตขอตั้งโรงงานแปรรูปไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ นายณัฏฐวริทธิ์ ตอบไม่มีและไม่ได้ขออนุญาตแต่อย่างใด จากการตรวจสอบภายในบริเวณโรงงาน มีการตั้งเสาเหล็ก 9 ต้น และเสาไม้ จำนวน 3 ต้น หลังคามุงด้วยเมทัลชีตลักษณะเปิดโล่ง

จึงได้ร่วมกันทำการจับกุมบริษัทค้าไม้ ที่ตั้งอยู่หมู่ 7 ต.นาพูน อ.วังชิ้น มีนายณัฏธุวิริทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี  (เจ้าของโรงเลื่อยไม้) นายสินเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี บ้านอยู่หมู่ที่ 10 ต.สูงเม่น อ.สูงเม่น  (ทำหน้าที่เลื่อยไม้) นายนิธิวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 19 บ้านอยู่ หมู่ที่ 5 ต.สูงเม่น อ.สูงเม่น (ทำหน้าที่รับหางไม้)

จนท.จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดไม้สักท่อน จำนวน 25 ท่อน ปริมาตร 2.41 ลบ.ม. คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 144,600 บาท ไม้สักแปรรูป จำนวน 117 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 1.3 ลบ.ม. คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 156,000 บาท อุปกรณ์ในการกระทำผิด เครื่องยนต์ต้นกำลัง (ยี่ห้อคูโบต้า) ขนาด 8 แรง จำนวน 1 เครื่อง สายพานเบอร์ 300 จำนวน 1 เส้น ลูกกลิ้ง ยาว 100 เซนติเมตร จำนวน 2 ตัว ลูกกลิ้ง ยาว 120 เซนติเมตร จำนวน 2 ตัว มูเล่ย์พร้อมเพลา ยาว 9 เชนติเมตร จำนวน 1 ชุด ใบเลื่อยวงเดือนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 24 นิ้ว จำนวน 1 วง เลื่อยประกอบด้วยเครื่องยนต์ต้นกำลัง (ยี่ห้อคูโบต้า) จำนวน 1 เครื่อง ,ใบเลื่อยวงเดือนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 24 นิ้ว จำนวน 1 วง มูเล่ พร้อมเพลา ยาว 40 เซนติเตร

ขณะตรวจสอบพบชาย จำนวน 2 คน ทราบชื่อ นายสินเทพ (ทำหน้าที่เลื่อยไม้) และนายนิธิวัฒน์ วรรณไพ (ทำหน้าที่รับหางไม้) ซึ่งบุคคลทั้งสองได้ให้การว่าตนเองทั้งสองเป็นคนรับจ้างแปรรูปไม้ จากนายณัฏธุวิริทธิ์ โดยนายสินเทพ ได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท โดยทำหน้าที่เลื่อยหรือแปรรูปไม้ ส่วนนายนิธิวัฒน์ ได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท โดยทำหน้าที่รับไม้ที่เลื่อย หรือแปรรูปแล้ว

ซึ่งขณะตรวจสอบเครื่องจักรกำลังทำงานพร้อมที่จะแปรรูปไม้ ตรวจสอบบนแท่นเลื่อยพบไม้สักแปรรูป จำนวน 1 แผ่นเหลี่ยม กำลังถูกแปรรูป ตรวจสอบไม่พบรูปรอยดวงตราใดๆ ของรัฐหรือเอกชนตีตราประทับใว้แต่อย่างใด และไม่เคยผ่านการเป็นเครื่องเรือน เครื่องใช้ใดๆ มาก่อน และพบไม้สักท่อน จำนวน 25 ท่อน วางกองอยู่ข้างๆ แท่นเลื่อย ภายในบริเวณโรงงานตรวจพบขี้เลื่อยมีทั้งใหม่และเก่า แสดงว่าการกระทำดังกล่าวได้ทำมานาน บริเวณข้างแท่นเลื่อยตรวจพบไม้สักแปร 117 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 1.30 ลบ.ม. วางกองอยู่ ซึ่งไม้สักแปรรูปดังกล่าวมีลักษณะใหม่ ไม่พบรูปรอยดวงตราใดๆ ของรัฐหรือเอกชนดีตราประทับใว้แต่อย่างใด และไม่เคยผ่านการเป็นเครื่องเรือน เครื่องใช้ใดๆ มาก่อน

นายณัฏธุวิริทธิ์ ให้การถึงการได้มาของไม้สักท่อน และไม้สักแปรรูปที่ตรวจพบว่าเป็นไม้มาตรา 7 ที่ซื้อมาจากชาวบ้าน บ้านหาดรั่ว ซื่งเอกสารการได้มาของไม้ติดกับรถขนไม้ไปการกระทำดังกล่าวของบุคคลทั้ง 3 คน นายณัฏธุวิริทธิ์ เฮงรวมญาติ, นายสินเทพ และนายนิธิวัฒน์ เป็นการกระทำผิดตามกฎหมายข้งต้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้บุคคลทั้ง 3 รับทราบ โดยกล่าวหาว่ากระทำผิด นายณัฏธุวิริทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ฐาน 1. ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, 2. มีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, 3. มาตรา 69 ฐาน “มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ,มาตรา 11 ฐาน”ร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต” นายสินเทพ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ฐาน 1. ร่วมกันแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต, 2. มาตรา 11 ฐาน “ร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต” นายนิธิวัฒน์ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ฐาน 1. ร่วมกันแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต, 2. มาตรา 11 ฐาน “ร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต”ด้วยเมทัลชีตลักษณะเปิดโล่ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น