สาวใหญ่ขึ้นโรงพัก แจ้งความตำรวจทางหลวง ส่งใบสั่งขับรถเร็วเกินกฏหมายกำหนด ในพื้นที่กำแพงเพชร แต่ยืนยันไม่เคยขับรถไป

สาวใหญ่ขึ้นโรงพักแจ้งความตำรวจทางหลวง ส่งใบสั่งขับรถเร็วเกินกฏหมายกำหนด ในพื้นที่กำแพงเพชร แต่ยืนยันไม่เคยขับรถไป ขณะตำรวจทางหลวง อ้างคีย์ข้อมูลหมวดจังหวัดผิดพลาด จากเชียงรายเป็นเชียงใหม่ แต่ยังข้องใจใบสั่งถูกส่งมาหลายครั้ง และไม่มีภาพถ่ายส่งมาเป็นหลักฐานด้วย มั่นใจถูกสวมทะเบียนรถ วอนหน่วยงานเกี่ยว ข้องตรวจสอบ

นางรัชนี (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาวอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ นำเอกสารหลักฐาน ใบสั่งจากตำรวจทางหลวง และเล่มทะเบียนรถ เดินทางมาแจ้งความที่ สภ.สันทราย หลังกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ส่งใบสั่งตรวจจับความเร็วรถมาให้เธอ เพื่อไปเสียค่าปรับจำนวน 500 บาท

โดยใบสั่งดังกล่าวระบุว่า รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีเทา ทะเบียนเชียงใหม่ ขับรถด้วยความเร็วกว่า 123 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน อำเภอโกสัมพี จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา

นางรัชนี ยืนยันว่า ไม่เคยขับรถไปที่จังหวัดกำแพงเพชร ส่วนใหญจะใช้รถในจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีใบสั่งส่งมาที่บ้าน ให้ไปเสียค่าปรับ แต่เธอไม่ได้สนใจ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 2563 ที่ผ่านมา ลูกชายเคยยืมรถขับไปจังหวัดลำปางกับแฟนสาวเพื่อไปเลือกตั้ง และเดินทางไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่กลับมีใบสั่งส่งมาอีก 2-3 ครั้ง

กระทั่งล่าสุดเริ่มเอะใจเพราะมีใบสั่งส่งมาที่บ้านอีก เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม จึงกังวลว่าอาจมีการสวมเลขทะเบียนรถของเธอ ซึ่งยี่ห้อรถ รุ่น และสีตรงกัน เกรงว่าหากรถคันนี้ถูกนำไปใช้ผิดกฏหมายเธออาจจะเดือดร้อน จึงเดินทางมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

จากนั้นนางรัชนี ได้แอดไลน์ของตำรวจทางหลวง และส่งข้อความพร้อมหลักฐานใบแจ้งความ เพื่อแจ้งให้ทางตำรวจทางหลวงทราบ ว่ารถคันดังกล่าวไม่ใช่ของเธอแต่อย่างใด ขณะที่ตำรวจทางหลวงแจ้งว่า เกิดข้อผิดพลาดจากการคีย์หมวดจังหวัด โดยรถคันเกิดเหตุป้ายทะเบียนจังหวัดเชียงราย แต่เจ้าหน้าที่ลงผิดเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ใบสั่งถูกส่งมายังเธอ

อย่างไรก็ตาม นางรัชนี ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่เชื่อว่าจะมีการคีย์ข้อมูลหมวดจังหวัดผิด เพราะใบสั่งถูกส่งมาที่บ้านหลายครั้งแล้ว และในใบสั่งก็ไม่มีภาพถ่ายส่งมาเป็นหลักฐานด้วย เพราะปกติใบสั่งของทางหลวงจะต้องมีภาพถ่ายแนบมาด้วยทุกครั้ง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนว่ามีการสวมทะเบียนรถของเธอจริงหรือไม่

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น