“รองฯ รอย” ชี้จากนี้ งานสาย ป. ต้องเน้นเชิงรุก กำชับใช้ยุทธวิธีตามที่ฝึกมา สั่งจัดสายตรวจคู่ Buddy เน้นทำงานเป็นทีม

“รองฯ รอย” ชี้จากนี้ งานสาย ป. ต้องเน้นเชิงรุก กำชับใช้ยุทธวิธีตามที่ฝึกมา สั่งจัดสายตรวจคู่ Buddy เน้นทำงานเป็นทีม อย่าให้ลูกน้องโดดเดี่ยวหากไม่เข้าใจส่งทบทวนการฝึก 15 วัน

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านงานป้องกันและปราบปราม (รอง ผบ.ตร.ปป.) เปิดเผยถึงการปฎิบัติหน้าที่ตามหน้างาน ที่ตนได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในสายงานป้องกันและปราบปราม นั้น “ต่อจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้ปฏิบัติที่ต้องขับเคลื่อนนโยบายงานป้องกันปราบปรามเน้นการทำงานป้องกันเชิงรุกเป็นหลัก โดยได้กำชับให้ หัวหน้าสถานี ต้องกำหนดยุทธศาสตร์งานป้องกันอาชญากรรม วิเคราะห์ ผู้ก่อเหตุ ,พื้นที่ ,ความล่อแหลม ,เหยื่อ ,โอกาส รวมถึงจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม ในการก่อเหตุ การแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน และภาคี ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ต้องทำใ้ห้เป็นรูปธรรม ต้องควบคุมอาชญากรรมในพื้นที่ให้ได้ หรือมิให้เกิดเหตุซ้ำๆ และหากเกิดต้องมีมาตรการใน การติดตาม ระงับ ยับยั้ง จับกุม ตาม SOP ยุทธวิธีที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับ และได้ทำการฝึกไปแล้ว

ทั้งนี้ ให้ผู้รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม ต้องประชุมชี้แจง ตรวจสอบข้อมูล แนะนำการปฏิบัติ ก่อนปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งตำรวจในทุกๆประเทศก็ต้องทำ หรือเรียกว่า Roll Call เพื่อให้ทราบถึงปัญหา ข้อขัดข้อง ในการทำงานของสายตรวจผลัดที่ผ่านมา ทั้งจะได้ตรวจสอบความพร้อมของผู้ปฏิบัติ ส่วนหน่วยปฏิบัติในพื้นที่อาจทำที่ สน.,สภ หรือในชุมชนและอาจนำภาคีเครือข่ายชุมชนมาร่วมเพื่อหารือปัญหา ต่างๆ นอกจากจะทำให้เกิดความเชื่อมโยงกับประชาชนในพื้นที่แล้ว ยังเป็นการแสวงหาข้อมูล ความร่วมมือเพื่อร่วมป้องกันเหตุได้อีกด้วย

รอง ผบ.ตร. (ปป. )ยังกล่าวอีกว่า ผู้เป็นหัวหน้าหน่วยต้องกำกับดูแลผู้ปฏิบัติ อย่าให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโดดเดี่ยวขาดที่ปรึกษาเพราะการเผชิญเหตุ ต้องมีความพร้อม มีเสื้อเกราะ มีอุปกรณ์ระงับเหตุ การทำงานเป็นคู่ Buddy ตามแบบยุทธวิธี เพื่อเป็นมาตราฐานและความปลอดภัยของตัวผู้ปฏิบัติ

ซึ่ง ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยได้จัดอุปกรณ์ประจำกายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ อุปกรณ์ ประจำยานพาหนะสายตรวจ ทั้งได้จัดให้มีการฝึกอบรมยุทธวิธี และข้อกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้มีความพร้อม โดยเฉพาะ สวป.,รอง สวป. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเจ้าหน้าที่สายตรวจ ต้องเป็นหลักในการปฏิบัติงาน สามารถเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในปกครองได้

ในรอบปีงบประมาณ 2565 นี้จะเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบการทำงานป้องกันอาชญากรรม และอาจต้องมีการทบทวนการปฏิบัติโดยส่งเข้ารับการฝึกทบทวนยุทธวิธีตั้งแต่ระดับ สวป.- รอง สวป. และสายตรวจหากมิได้ปฏิบัติตามที่สั่งการไว้ เพื่อให้มีมาตรฐานในการปฏิบัติงาน ให้เกิดความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชน ทั้งเพื่อให้มีความเข้าใจการทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชา หากพบว่าหย่อนยานแบบซ้ำซาก ตนได้สั่งการให้ รร.นรต. จัดเตรียมหลักสูตรใว้รองรับในระยะเวลา 2 สัปดาห์ไว้แล้ว ซึ่งในยุคนี้โลกหมุน และมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก มิใช่แต่ตำรวจ ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวให้ทัน ต้องทำให้องค์กรเข้มแข็งขึ้นถึงจะอยู่ได้ในสังคม ตนจะนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยในการปฏิบัติงาน จะไม่สร้างภาระและงานพิเศษที่ไม่ใช่หน้าที่ตำรวจเพิ่ม แต่จะกำกับและเข้มงวดกับ ระเบียบแนวทาง ที่มีอยู่สำหรับงานสายตรวจในสภาวะเศรษฐกิจ สังคม และโรคระบาด โอกาสการก่ออาชญากรรมอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นตำรวจสายงานป้องกันปราบปราม จึงต้องมีความพร้อม ทั้งร่างกาย จิตใจ ความรู้ และความกระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่

ผู้ที่คิดว่าไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปได้ อาจต้องมีทางเลือกเพื่อให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในสายงานอื่นแทน ขอฝากผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้กำกับ (ผกก.) หัวหน้าสถานี ,รอง ผกก ,สว., รอง สว. ในสายงาน ป. ให้เตรียมตัวให้พร้อม ในส่วนผู้บังคับบัญชาก็ต้องคอยสอดส่องดูแลความเป็นอยู่ ความประพฤติ ปัญหา ของตำรวจในปกครองอย่างสม่ำเสมอ งานใดที่ไม่อยู่ในระเบียบ แบบแผน คำสั่ง หรือ เป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ปฏิบัติก็ขอให้ทบทวน กลั่นกรอง ก่อนที่จะพิจารณาสั่งการ เพื่อภาพลักษณ์ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยรวม

อนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานป้องกันปราบปราม ต้องมีบุคลิก ลักษณะ การแสดงออกที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่น เป็นมิตร แต่น่าเกรงขาม มิใช่แสดงออกในทางตลกขบขันหรือทำให้ภาพลักษณ์การเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเสียหาย ทุกคนต้องช่วยกันเพื่อองค์กรอันเป็นที่รักและเพื่อความสงบสุขในการดูแลประชาชน หากไม่ร่วมกันเปลี่ยนแปลง พัฒนาให้ดีขึ้น องค์กรก็จะต้องถูกบังคับให้ปรับเปลี่ยนอย่างแน่นอน และในการทำงานขอให้พึงระลึกถึง พระบรมราโชวาทฯล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานแก่ข้าราชการตำรวจ ใว้ว่า “การจับผู้ร้ายนั้นไม่ถือเป็นความชอบ เป็นแต่นับว่าผู้นั้นได้กระทำการครบถ้วนแก่หน้าที่เท่านั้น แต่จะถือเป็นความชอบต่อเมื่อได้ปกครองป้องกันเหตุร้ายให้ชีวิตและทรัพย์สมบัติของข้าแผ่นดินในท้องที่นั้นอยู่เย็นเป็นสุขพอสมควร”

พล.ต.อ.รอยฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผบ. ตร. มอบหมายงานป้องกันปราบปรามให้ตนและ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อีก 6 ท่าน ช่วยกำกับดูแล ดังนั้นจะต้องรับฟังนโยบายและนำไปปฏิบัติตามแนวทางที่สั่งการเพราะความสำเร็จหรือความล้มเหลวของภารกิจ ตนและทีมงานจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวมอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น