เวลา 16.00 น. วันที่ 20ตค64 ที่ สภ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย กลุ่มผู้เสียหายซึ่งถูกนางสาวณัฐมน อายุ 27 ปี เพื่อนสมัยเรียนมัธยมด้วยกันที่อำเภอแม่สาย ได้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ประกอบธุรกิจส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที ไปขายในประเทศเมียนมา โดยอ้างว่าจะได้ผลกำไรตอบแทนประมาณร้อยละ 21 ต่อเดือน ได้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ชนาวิญ สินธุยะ สารวัตรสอบสวน สภ.แม่สาย
โดยระหว่างวันที่ 11 ก.ย. -4 ต.ค.64 กลุ่มผู้เสียหายได้ทยอยเข้าไปโอนเงินสด เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทยฯ บัญชีเลขที่ 0912268xxx ชื่อบัญชี ของนางสาวณัฐมน และบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยฯ บัญชีเลขที่ 50502903xxx ชื่อบัญชี นางสาวสุดาทิพย์ ซึ่งเป็นชื่อเดิมของนางสาวณัฐมนหลายครั้ง รวมเป็นเงินร่วม 3 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนตามการชักชวนของนางสาวณัฐมน แต่เมื่อวันที่ 6 ต.ค.64 กลุ่มผู้เสียหายตรวจพบว่านางสาวณัฐมน นำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นไม่ได้ไปลงทุนทำธุรกิจส่งออกสินค้าไปเมียนมาตามที่กล่าวอ้าง จึงติดต่อเจรจากัน จนกระทั่งวันที่ 16 ต.ค.64 นางสาวณัฐมน ตกลงจะคืนเงินบางส่วนให้กับผู้เสียหาย โดยจ่ายเป็นเช็ค ลงวันที่ 18 ต.ค.64 แต่เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินแต่ถูกธนาคารปฏิเสธเนื่องจากเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ทำให้เชื่อว่าน่าจะถูกหลอกแน่จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นางสาวอลิสสา หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ได้ลงทุนไป 100,000 บาท นางสาวณัฐมนบอกว่าจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 7 ต่อ 1 ครั้ง ใช้ระยะเวลาประมาณ 10 วัน หรือเดือนร้อยละ 21 ต่อเดือน พอถึงกำหนดจ่ายเงินตอบแทนครั้งแรกก็เริ่มมีปัญหา จ่ายไม่ตรงตามกำหนด สุดท้ายได้รับเงินปันผลตอบแทนเพียง 1 ครั้ง จากนั้นนางสาวณัฐมนก็หายไป คาดว่าน่าจะไปหลอกเงินผู้ลงทุนทีหลังมาจ่ายให้กับคนที่ลงทุนก่อน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เชื่อและยอมลงทุน เพราะความไว้ใจเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับพี่สาวที่เติบโตมาด้วยกันคงจะไม่หลอกลวงกันประกอบกับนางสาวณัฐมนยื่นเงื่อนไขผลตอบแทนที่น่าสนใจ และมีเพื่อนในกลุ่มร่วมลงทุนกันหลายคน เท่าที่ได้สอบถามพบกลุ่มเพื่อนที่สนทกันเป็นผู้เสียหายแล้วถึง 9 คน แต่คาดว่าน่าจะมีมากกว่านี้
ร่วมแสดงความคิดเห็น