ข่าวจริง!รายชื่อ 46 ประเทศ ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. 64

 

วันที่ 23 ต.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข้อมูลว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวสารประเด็นเรื่อง รายชื่อ 46 ประเทศ ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. 64 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 29/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 23 ตุลาคม 2564 กําหนดให้ศูนย์ปฏิบัติการ การเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ (ศปก.กต.) อนุมัติประเทศและพื้นที่ที่อนุญาตให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรสำหรับบุคคลประเภท (13) “ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศ ของรัฐบาล” ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข และการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้า ศปก.กต. จึงประกาศรายชื่อประเทศ และพื้นที่ต้นทางสำหรับบุคคลประเภท (13) ที่ผู้เดินทางจากประเทศและพื้นที่ดังกล่าวได้รับอนุญาต ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศฉบับนี้

1. ออสเตรเลีย 2. ออสเตรีย 3. บาห์เรน 4. เบลเยียม 5. ภูฏาน 6. บรูไนดารุสซาลาม 7. บัลแกเรีย 8. กัมพูชา 9. แคนาดา 10. ชิลี 11. จีน 12. ไซปรัส 13. สาธารณรัฐเช็ก 14. เดนมาร์ก 15. เอสโตเนีย 16. ฟินแลนด์ 17. ฝรั่งเศส 18. เยอรมนี 19. กรีซ 20. ฮังการี 21. ไอซ์แลนด์ 22. ไอร์แลนด์ 23. อิสราเอล 24. อิตาลี 25. ญี่ปุ่น 26. ลัตเวีย 27. ลิทัวเนีย 28. มาเลเซีย 29. มอลตา 30. เนเธอร์แลนด์ 31. นิวซีแลนด์ 32. นอร์เวย์ 33. โปแลนด์ 34. โปรตุเกส 35. กาตาร์ 36. ซาอุดีอาระเบีย 37. สิงคโปร์ 38. สโลวีเนีย 39. สาธารณรัฐเกาหลี 40. สเปน 41. สวีเดน 42. สวิตเซอร์แลนด์ 43. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 44. สหราชอาณาจักร 45. สหรัฐอเมริกา 46. ฮ่องกง

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น